|
เที่ยวเวียดนามใต้ ดาลัด - โฮจิมินห์ ตอนที่ 6
South Vietnam tour : Dalat Flower City
(เดินทาง 27 ธค.55 - 1 มค.56)
เที่ยวเมืองดาลัท ประเทศเวียดนาม ดำเนินมาถึงตอนที่6 แล้วนะครับ ตามโปรแกรมแล้วเราจะนอนที่เมืองนี้ 2 คืน จากนั้นก็จะไปนอนที่เมืองโฮจิมินห์ซิตี้พร้อมกับ Count Down ต้อนรับปีใหม่(2556)กันที่นั่น
เรามาเที่ยวดาลัทในวันสิ้นปี 30 และ 31 ธันวาคม 2555 ซึ่งเป็นช่วงหน้าหนาวเช่นเดียวกับบ้านเรา แต่ดาลัทจะหนาวกว่าภาคเหนือของเรามาก ทั้งนี้ก็พราะเมืองดาลัทตั้งอยู่บนที่ราบสูงของเวียดนามตอนใต้ ความสูงระดับ 1500 เมตร จากระดับน้ำทะเล(ภูเรือสูง 1,365,ภูกระดึง 1200 เมตร) ทำให้มีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี และเมืองดาลัทก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งดอกไม้ และที่เห็นดอกไม้ตามเมืองต่างๆของเวียดนามนั้นก็ส่งมาจากที่นี่ทั้งนั้น
บ้านเราปัจจุบันมีเมืองดอกไม้ที่ขึ้นชื่ออยู่ 2 แห่งคือเชียงรายกับเชียงใหม่ โดยเฉพาะเชียงรายที่ทางจังหวัดได้หันมาส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวโดยการประชาสัมพันธ์เรื่องสวนดอกทิวลิบว่ามีแห่งเดียวในประเทศไทย จึงทำให้นักท่องเที่ยวแห่ไปดูสวนดอกทิวลิปกันชนิดมึดฟ้ามัวดิน โดยเฉพาะปีแรกมีญาติไปเที่ยว ปรากฏว่ารถติดมโหฬารจนหาที่จอดรถแทบไม่ได้
ส่วนเชียงใหม่คำว่าเมืองดอกไม้ในระยะหลังๆนี้ไม่ค่อยจะมีการกล่าวถึงกันนัก รวมทั้งบรรยากาศในเมืองเชียงใหม่ก็ไม่ได้โดดเด่นในเรื่องดอกไม้ หรือมีการนำดอกไม้มาประดับตามที่ต่างๆในช่วงต้นปี บรรยากาศในเชียงใหม่ทุกวันนี้จึงดูไม่ค่อยมีเสน่ห์เหมือนเมื่อก่อน ทุกอย่างดูมันเจริญไปหมด โดยเฉพาะถนนหนทางที่ทันสมัย มีอุโมงค์ มีสะพานลอยที่ไม่ต่างกับกรุงเทพนัก
เมืองดอกไม้ในเชียงใหม่ที่พอจะจำได้ส่วนใหญ่ก็จะไปเน้นที่งานราชพฤกษ์ หรืองานพืชสวนโลกที่ตอนนี้มีการจัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี หลังจากปีแรกที่จบสิ้นลง
ส่วนนอกเมืองก็มีสวยดอกไม้ให้ชื่นชมกันตามรีสอร์ทของเอกชนและตามสวนเกษตรในโครงการหลวง เช่นดอยอ่างขาง และตามโครงการหลวงในที่อื่นๆ
เมื่อเทียบกับเมืองดาลัทประเทศเวียดนามแล้ว บรรยากาศจะแตกต่างกับเชียงใหม่ค่อนข้างมาก
ดาลัทเป็นเมืองที่เล็กกว่าเชียงใหม่มาก ตึกรามบ้านช่องหรือตึกโรงแรมสูงๆยังมีไม่มากนัก ขณะเดียวกันดาลัทไม่ใช่เป็นเมืองเศรษฐกิจการค้าการลงทุนของนักธุรกิจ และไม่ได้เป็นศูนย์รวมทุกอย่างเหมือนกับเชียงใหม่
ความหมายที่แท้จริงของดาลัทก็คือเป็นเมืองท่องเที่ยว และเป็นเมืองตากอากาศล้วนๆ ประชากรก็ไม่มากจนเกินไป ทุกอย่างจึงดูกะทัดรัด ไปทางไหนก็เห็นแต่ดอกไม้ทั่วบ้านทั่วเมือง และดอกไม้ที่ขายตามข้างทางก็ราคาถูก ออกกดอกบานสพรั่ง
ขณะเดียวกันบรรยากาศของเมืองดาลัทแตกต่างกับเมืองอื่นๆของเวียดนามค่อนข้างมาก ภาพคนขี่จักรยาน ภาพคนหาบของขายที่เป็นวิถีชีวิตของคนเวียดนาม ค่อนข้างหายากในเมืองนี้ เท่าที่สังเกตรู้สึกว่าผู้คนที่นี่จะมีฐานะดีกว่าเมืองอื่นๆของเวียดนาม
ดาลัทเป็นเมืองตากอากาศของคนฝรั่งเศสในสมัยอาณานิคม ตึกอาคารต่างๆได้รับอิทธิพลมาจากฝรั่งเศสเกือบทั้งนั้น ในเมืองก็มีเนินสูงๆต่ำๆ คล้ายเมืองท่องเที่ยวในยุโรป ใครมาเที่ยวแล้วก็ยังอยากมาอีกเป็นครั้งที่สอง แต่ก็ต้องมาในช่วงหน้าหนาวที่ทั้งเมืองจะเต็มไปด้วยดอกไม้และสีสัน
สำหรับภาพตอนที่ 6 นี้ เป็นภาพของโรงแรมประหลาดหรือบ้านเพี้ยนๆ บ้าๆ บอๆ
แต่ก็น่าแปลกที่ความเพี้ยนของคนกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองดาลัท ชนิดที่ใครไม่ได้มาชมก็แสดงว่ายังมาไม่ถึงดาลัท
บ้าน หรือโรงแรมเพี้ยนๆ มีชื่อว่า Crazy House เป็นโรงแรมที่สร้างตามจินตนาการณ์ของเจ้าของที่เรียนจบสถาปนิกมาจากรัสเซีย
แรกเริ่มก็เป็นตึกหลังเล็กๆ พอสร้างไปสร้างมาก็ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นโรงแรมขนาดเล็ก หรือเกสเฮ้าส์ แต่ราคาก็ไม่ถูกเมื่อเทียบกับโรงแรมทั่วไปในเมืองดาลัท
เจ้าของโรงแรมมีชื่อว่าดังงา(Dang Viet Nga) เป็นลูกสาวของแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม(เหนือ)ที่ชื่อเจื่องจิง หรือ เตรื่องจิญ(Truong Chinh) ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสมัยโฮจิมินห์ และเป็นประธานพรรคคอมมิวนิสต์(ค.ศ.1981-1987)

เห็นหลายเว็บบอกว่า เจ้าของ Crazy House เป็นลูกสาวของประธานาธิบดีคนที่ 2 ของเวียดนาม แต่เมื่อค้นประวัติเจื่องจิง จากวิกิพีเดีย ก็ไม่พบว่านายเจื่องจึง เป็นประธานาธิบดีในสมัยใด หรือเป็นรองประธานาธิบดีของเวียดนามแต่อย่างใด
หากจะบอกว่าเป็นประธานาธิบดีของเวียดนามเหนือ ก่อนรวมกับเวียดนามใต้ก็ไม่ไช่ เนื่องจากประเทศเวียดนามเหนือมีประธานาธิบดีแค่ 2 คน คือ โฮจิมินห์ กับ ฟามวันดง
ดังงา(Dang Nga) เรียนจบปริญญาเอกด้านสถาปนิกจากกรุงมอสโกประเทศรัสเชีย ได้ออกแบบ Crazy House โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานของ อันตอนี เกาดี (Antoni Gaudi) ศิลปินชาวสเปน สถาปนิกผู้ออกแบบอาคารรูปร่างประหลาดที่กระฉ่อนโลก

ปัจจุบัน Crazy House ถูกจัดให้อยู่ในโปรแกรมการท่องเที่ยวเมืองดาลัทของทุกบริษัท เมื่อเข้าไปภายในอาคารก็น่าแปลกใจที่เค้าสร้างกันได้อย่างไร เนื่องจากมันคล้ายกับงานศิลปะกลางแจ้ง การก่อสร้างก็คงจะยากตรงที่ต้องถ่ายทอดความคิดให้กับวิศวกรไปจนถึงคนงานก่อสร้าง ซึ่งดังงา ผู้ออกแบบเคยกล่าวว่า เป็นสิ่งที่ยากที่ต้องอธิบายให้ทุกคนที่ร่วมงานได้ทราบถึงแนวคิด รวมทั้ง รูปทรง และสีสัน ว่าตนต้องการอะไร ซึ่งบางครั้งก็ต้องลงมือด้วยตนเอง
ปัจจุบัน Crazy House ยังก่อสร้างต่อขยายออกไปเรื่อยๆ เหมือนกับว่าค่อยเป็นค่อยไป แต่ก็อาจมีปัญหาในอนาคตที่รอบๆ มีการสร้างบ้านเรือนจนแน่นเอียด จะขยับขยายออกไปก็คงจะลำบาก
นึกในใจว่าหากไปสร้างแถวๆนอกเมืองและมีเนื้อที่มากกว่านี้ก็คงจะโดดเด่นมาก
โฟโต้ออนทัวร์
17 มีนาคม 2557
|
|