เที่ยวเวียดนามใต้ ตอนที่ 13
(เดินทาง 27 ธค.55 - 1 มค.56)
ภาพท่องเที่ยว ดาลัต – โฮจิมินห์ มาถึงตอนที่ 13 เรียกว่าใกล้จะจบแล้วละครับ สำหรับตอนนี้เป็นภาพบรรยากาศฉลองปีใหม่ 2013 ที่คิดว่าน่าจะคึกคัก และถือเป็นโอกาสอันดีที่มีโอกาสเห็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ของประเทศเวียดนาม
โดยเฉพาะเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 1 ของประเทศ และเป็นเมืองเศรษฐกิจมาตั้งแต่สมัยที่ยังใช้ชื่อว่า “เมืองไซ่ง่อน” (SaiGon)
ไซ่ง่อน หรือ โฮจิมินห์ซิตี้ มีประชากรมากกว่ากรุงเทพมหานครประมาณ 2 ล้านคน คิดง่ายๆหากกรุงเทพมีประชากร 6 ล้าน ไซ่ง่อนก็มีประมาณ 8 ล้านคน
งานฉลองปีใหม่ในกรุงโฮจิมินห์ซิตี้ จัดขึ้นที่แลนมาร์คซึ่งเป็นศูนย์กลางของเมือง บริเวณนี้มีสถานที่สำคัญหลายแห่ง (ตามภาพจากตอนที่แล้ว)
วันนี้ 31 ธค.2012 ในตอนเย็นๆผู้คนเริ่มหนาตา ท้องถนนมากไปด้วยมอเตอร์ไซด์ ถนนทุกสายมุ่งหน้ามาที่ศูนย์กลางการจัดงาน
โชคดีที่โรงแรมกับสถานที่จัดงานอยู่ไม่ห่างกันนัก แค่เดินเรียกเหงื่อประมาณ 45 นาทีก็มาถึงบริเวณดังกล่าว
แต่กว่าจะเข้าไปถึงตรงจุดนั้น ก็เล่นเอาเหงื่อตก เนื่องจากกองทัพมอเตอร์ไซด์จอดแน่นเต็มท้องถนนเนื่องจากรถติด เดินข้ามแทบไม่ได้ จึงต้องใช้วิธีค่อยๆลัดเลาะ แทรกตัวไปกับช่องว่างเท่าที่พอจะไปได้
เมืองที่มีประชากรหนาแน่นและเป็นวันสำคัญแบบนี้ ที่ไหนๆก็คงไม่ต่างกัน แต่เวียดนามจะต่างกับประเทศอื่นตรงที่ไม่มีการปิดถนน มอเตอร์ไซด์จึงอัดแน่นเต็มทุกพื้นที่ มอเตอร์ไซด์ไปไม่ได้ก็นั่งแช่กันอยู่แบบนั้น
ดูจากภาพในชุดนี้ก็อาจเห็นบรรยากาศของรถมอเตอร์ไซด์ แต่ถ้าดูจากคลิปด้านล่างก็อาจตื่นตามากกว่าในภาพ โดยเฉพาะวิธีการข้ามถนนในเวลาที่มีทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซด์กำลังวิ่งกันให้พล่าน
ถึงแม้บนท้องถนนจะเป็นไปด้วยมอเตอร์ไซด์ แต่ก็ไม่มีปัญหาการข้าม ก่อนข้ามก็สังเกตก่อนว่าเค้าข้ามกันแบไหน หรือหาจังหวะกันแบบไหน
พอเอาเข้าจริงก็ไม่มีรูปแบบ อยากข้ามก็ข้ามเลย (มาเวียดนามบ่อยจนรู้เทคนิค)
ใครไม่เคยข้ามอาจเสียวใส้ แต่พอคุ้นเคยแล้วก็ดูธรรมดา
งานฉลองปีใหม่ที่กรุงโฮจิมินห์ซิตี้เท่าที่สัมผัสมา อาจดูกร่อยๆ บรรยากาศก็ดูงั้นๆ เทียบกับบ้านเราไม่ได้เลย ยิ่งตอนนับถอยหลังใกล้จะถึงวันใหม่ในเวลา 00.00 น. ก็มีการจุดพลุ(พลุหม้อดิน) จากนั้นผู้คนก็กลับบ้าน เป็นอันจบ
นึกในใจว่าอุตส่าห์เสียเหงื่อเดินมาจากโรงแรม และยังต้องเบียดเสียดผู้คนมาจนถึงกลางงาน มีเท่านี้หรอกหรือ
คนไทยที่มาด้วยกันต่างผิดหวังว่าไม่เห็นมีอะไรเลย มีแค่คนกับมอเตอร์ไซด์
จากนั้นก็เดินกลับโรงแรม ในระหว่างนั้นก็เห็นคนเวียดนามทั้งหมดเดินกลับบ้าง หรือขี่มอเตอร์ไซด์กลับอย่างพร้อมเพรียงกัน ไม่ต่างกับหนังกลางแปลงเลิก เชื่อว่าอีกไม่เกิน 2 ชั่วโมง พื้นที่ในบริเวณนั้นก็จะเข้าสู่ภาวะปกติ
มาเห็นแล้วก็แปลกใจ เหมือนกับว่ารัฐบาลเวียดนามกำหนดให้ทุกอย่างหยุดแค่เวลานั้น จากนั้นก็ต้องกลับ ต่างกับบ้านเราที่หลังจากนับเวลาถอยหลังและจุดพลุแล้วจากนั้นก็ร่วมกันร้องเพลงวันปีใหม่ ส่วนบนเวทีก็ยังดำเนินรายการต่อไปอีกระยะหนึ่ง
บ้านเรามีหลายเวที หรือหลากหลายสถานที่จัดงานในการฉลองปีใหม่ แต่ที่กรุงโฮจิมินห์ซิตี้ มีแค่ที่นี่ที่เดียว ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าผู้คนจะมากมายแค่ไหน
นับว่าโชคดีทีมีโอกาสอยู่ในประเทศเวียดนามในช่วงเทศกาลวันปีใหม่ มาเห็นแล้วก็รู้ว่าไม่มีอะไรที่น่าตื่นตานัก แต่น่าแปลกที่ผู้คนหลั่งไหลกันมาแบบมึดฟ้ามัวดิน เพื่อมายัง ณ จุดศูนย์กลางจัดงาน ทั้งที่ไม่มีอะไรเลย
เรื่องการจุดพลุตูมตามเต็มท้องฟ้าในเวลา 0.00 น.แบบบ้านเรานั้นไม่มีในเวียดนามนะครับ รอจะถ่ายรูปอยู่เหมือนกัน แต่มันไม่มี เล่นเอางงเต๊ก
ส่วนพลุที่จุดบนเวทีเท่าที่เห็น เป็นพลุแบบชาวบ้านที่บรรจุในภาชนะดินเผารูปโอ่ง หรือรูปหม้อดินที่ปิดกระดาษแดง ความสูงของพลุอย่างมากก็ไม่เกิน 5-6 เมตร เห็นจุดประมาณ 10 ลูก เรียงตามขอบเวที
ใครที่ทำธุรกิจเรื่องการจัดงานอีเว้นท์ น่าจะเห็นช่องทางสำหรับการหาตลาดในประเทศเวียดนามว่ายังมีโอกาสอีกมาก ลองเลียบๆเคียงเข้ามาท่องเที่ยวเพื่อหาลู่ทาง
เวียดนามดูไม่ต่างกับบ้านเรา หน้าตาก็คล้ายๆกัน อาหารการกินก็ไม่เป็นปัญหา เหมือนอาหารจีนผสมผสานกับอาหารลาวที่มีพืชพันธ์ธัญญาหารอันหลากหลาย ส่วนอากาศที่เวียดนามจะไม่ร้อนมากนักต่างกันประมาณ 5 องศา เช่นกรุงเทพอุณหภูมิ 35 องศา ที่ไซ่ง่อนหรือโฮจิมินห์ก็ประมาณ 30 องศา
พบกันในตอนที่ 14 ซึ่งจะเป็นตอนสุดท้ายแล้วครับ
โฟโต้ออนทัวร์
18 พฤษภาคม 2559
คลิปการจราจรในกรุงไซ่ง่อน(โฮจิมินห์ซิตี้) วันที่ 30 ธค.55
|