|
ภาพท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น : โตเกียว ฟูจิ เมืองอิซาวา มหาวิทยาลัยโตเกียว ฯลฯ |
 |
|
Part 1 |
Part 2 |
Part 3 |
Part 4 |
Part 5 |
Part 6 |
Part 7 |
Part 8 |
Part 9 |
Part 10 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
Japan Tour Part 7 : หมู่บ้านน้ำใส โอชิโนะ ฮักไก (Oshino Hakkai) |
|
|
Japan Tour Part 7 Oshino Hakkai)
ภาพท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ตอนที่ 7 หมู่บ้านน้ำใส โอชิโนะ ฮักไก
(เดินทาง
สิงหาคม 2556)
หลังอาหารมือเที่ยงกับเนื้อย่างบนหินภูเขาไฟที่ร้านอาหารแบบครอบครัวบริเวณเชิงเขาฟูจิ จากนั้นก็ร่ำลาเจ้าของบ้านที่ออกมายืนโค้งคำนับตามธรรมเนียมของญี่ปุ่น พวกเราที่อยู่บนรถก็โบกมือเป็นการตอบรับ
โปรแกรมช่วงบ่ายนี้เราจะไปเที่ยวหมู่บ้านน้ำใส ขณะเดียวกันทีมงานถ่ายทำสารคดีของญี่ปุ่นก็จะตามถ่ายทำในฉากสุดท้ายที่หมู่บ้านแห่งนี้ด้วย
หมู่บ้านน้ำใสที่มีชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า “โอชิโนะ ฮักไก” เป็นสถานท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นที่อยู่บริเวณเชิงเขาฟูจิ
ภูเขาไฟฟูจิระเบิดครั้งสุดท้ายเมื่อพศ. 2250 (คศ.1707)หรือเมื่อ 308 ปีก่อน ปัจจุบันจึงเป็นภูเขาไฟที่ดับมอดแล้ว
ในอดีตการพ่นลาวาของภูเขาฟูจิทำให้เกิดลาวาทับซ้อนกันหลายชั้น พอนานเข้าก็กลายเป็นหินเป็นดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก และดินที่อยู่รอบเขาฟูจิดูร่วนกว่าดินทั่วไป
สมัยก่อนบริเวณโดยรอบเขาฟูิจน่าจะเป็นดินแดนที่อันตราย บางแห่งเรียกว่าหุบเขานรก อาจไม่ต่างกับประเทศอินโดนีเซียในปัจจุบัน ที่เกิดการปะทุจากภูเขาไฟขึ้นเป็นประจำ เมื่อต้นปี 58 ภูเขาไฟก็ประทุขึ้นพร้อมๆกันถึง 5 ลูก และจากหลายๆเกาะ
หลังภูเขาไฟฟูจิสงบก็เกิดสาบเกิดขึ้นถึง 5 แห่ง รอบๆฟูจิ ปัจจุบันกลายเป็นสถานท่องเที่ยวสำคัญ ขณะเดียวกันเชิงเขาก็มีอาณาบริเวณกว้างขวางและกินเนื้อที่หลายจังหวัด ก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดูจะมีเสน่ห์กว่าทุกที่
เขาฟูจิลูกเดียวแต่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายที่อยู่โดยรอบ ถือเป็นความโชคดีของประเทศญี่ปุ่น
ใครมาเที่ยวจังหวัดที่อยู่รอบเขาฟูจิก็จะเห็นภาพภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน เนื่องจากมีภูเขาความสูงถึง 3,776 เมตร เรียกว่าสูงเหยียดฟ้า ระหว่างนั่งรถก็มีความรู้สึกว่าเขาฟูจิติดตามเราไปตลอดทาง แต่ความจริงแล้วเรากำลังนั่งรถวนรอบเขานั่นเอง
การเดินทางของเราในช่วงเวลานี้ มองไม่เห็นเขาฟูจิเลยเนื่องจากท้องฟ้ามีเมฆหนา คล้ายเป็นช่วงฤดูฝน ทำให้พลาดโอกาสอันงาม
สำหรับหมู่บ้านน้ำใส “โอชิโนะ ฮักไก” เป็นน้ำที่มาจากเขาฟูจิแล้วไหลผ่านชั้นใต้ดินที่เป็นชั้นหินลาวา จากนั้นก็ผุดขึ้นมาเป็นบ่อน้ำเล็กๆขึ้นในหมู่บ้าน แล้วไหลไปตามลำธาร น้ำที่นี่จึงไม่เหือดแห้ง
การที่น้ำที่ผ่านชั้นหินลาวาจึงมีคุณสมบัติพิเศษคือน้ำจะใสและสะอาดกว่าน้ำใต้ดินทั่วไป และบรรดาน้ำแร่ที่ขายกันราคาแพง ก็มาจากหินภูเขาไฟนี่เอง คุณสมบัติของหินภูเขาไฟที่ทดลองมากับตนเองนั้น เมื่อนำมาใส่ในถังน้ำดึ่มที่กรองสะอาดแล้ว มีความรู้สึกว่ามีกลิ่นสะอาดขึ้นกว่าเดิม เมื่อดื่มน้ำแล้วก็รู้สึกสดชื่น
ไม่น่าเชื่อว่าหินภูเขาไฟก้อนเล็กๆที่ทางร้านอาหารเนื้อย่างแจกให้จะให้เกิดความแตกต่างได้มากขนาดนี้
หมู่บ้านน้ำใสเป็นหมู่บ้านในชนบท แต่ชนบทของญี่ปุ่นก็คือผู้มีฐานะมั่งคั่งในสายตาคนไทย บ้านใหญ่แต่ละหลังแสดงฐานะของเจ้าของบ้าน รอบบ้านมีสวน หน้าบ้านมีเครื่องมือเครื่องจักรเพื่อทำการเกษตร พืชผักก็ดูจะสมบูรณ์และให้ผลผลิตที่ดีโดยเฉพาะมะเขือเทศ มีลูกดกเต็มต้น
ที่หมู่บ้านนี้มีชื่อเสียงก็เนื่องจากมีบ่อน้ำที่ผุดขึ้นมาจากดินถึง 8 บ่อ แต่เป็นบ่อขนาดเล็ก เพราะความใสของน้ำนี่เองที่ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว
หมู่บ้านแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงเรื่องสินค้าโอท๊อป ที่ขึ้นชื่อก็คือพวกของดอง ผักดอง ผลไม้ดอง และของอย่างอื่นที่ทานกับข้าวต้ม
แต่วันนี้ไม่มีเวลาเข้าไปในร้านโอท๊อปเนื่องจากต้องการเดินชมบริเวณรอบหมู่บ้านว่า คนญี่ปุ่นในชนบทเขาอยู่กันอย่างไร
โชคดีที่บ้านแต่ละหลังไม่มีรั้ว จึงมองเห็นทุกอย่างที่อยู่รอบบ้าน
น่าแปลกที่ไม่มีจุดไหนหรือมุมไหนให้รกหูรกตา จะบอกว่าที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวจึงต้องดูแลเป็นพิเศษก็คงจะไม่ไช่ เนื่องจากขณะนั่งรถผ่านไปตามถนน ก็ดูเรียบร้อยเป็นระเบียบ
และนี่คือจุดเด่นของคนญี่ปุ่นที่เป็นคนรักความสะอาดและเป็นคนเจ้าระเบียบ
ขณะเดินจากลานจอดรถเข้ามาในหมู่บ้าน จะเห็นร้านค้าเล็กๆนำผลหมากรากไม้มาจำหน่าย ทุกอย่างมีป้ายบอกราคาแต่ปรากฏว่าไม่มีคนขาย
มาทราบทีหลังว่าร้านแถวนี้ไม่มีคนขาย แต่มีกล่องใส่เงินวางไว้ คล้ายกล่องใส่กระดาษทิชชู่ ใครซื้ออะไรก็เอาเงินใส่ในกล่องนั้นตามป้ายราคา
เป็นเมืองไทยแล้วคงไม่เหลือ ทั้งเงินในกล่องรวมทั้งผักผลไม้ต่างๆ เรียกว่าเกลี้ยงร้านแน่
นี่เป็นความแตกต่างระหว่างนิสัยคนญี่ปุ่นกับคนไทย
คนไทยไม่น้อยจึงอยากมาเที่ยวญี่ปุ่น ใครเคยมาก็บอกว่าอุ่นใจ ไว้ใจได้ ขนาดซื้อของตามร้านค้า พนักงานคิดเงินยังนับเงินต่อหน้าเราเพื่อให้ลูกค้าแน่ใจว่าทอนเงินไม่ผิด
สิ่งดีงามเหล่านี้คงฝั่งรากลึกไว้ในจิตใจคนญี่ปุ่น ซึ่งแตกต่างกับบ้านเราโดยสิ้นเชิง และไม่กี่ปีมานี้ก็มีข่าวน่าเศร้าจากเรื่องราวของนักท่องเที่ยวสาวจากญี่ปุ่นต้องมาจบชีวิตที่อุทยานแห่งชาติเมืองสุโขทัย
ถูกฆ่าปาดคอชิงทรัพย์เมื่อ 2550 เป็นข่าวโด่งดังไปทั้งประเทศ และเป็นเรื่องใหญ่โตในความรู้สึกของคนญี่ปุ่น จนเจ้าหน้าที่ของสถานทูตญี่ปุ่นต้องติดตามสอบถามความคืบหน้าของคดีจากตำรวจอย่างใกล้ชิด
หญิงชาวญี่ปุ่นคนนี้ ชื่อ "น.ส.โนโมโกะ" อายุระหว่าง 25-30 ปี เดินทางมาเมืองไทยเพื่อเที่ยวงานประเพณีลอยกระทงและได้เช่าจักรยานขี่เที่ยวภายในอุทยานฯ เช่นเดียวกับหลายๆคนเคยเช่าจักรยานขี่เที่ยวกันมาแล้ว
เหตุเกิดภายในอุทยานฯ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดและขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เป็นเรื่องที่น่าอับอายมากๆ
และจนถึงขณะนี้ก็ยังจับคนร้ายไม่ได้ ส่วนความคืบหน้าล่าสุดก็มีข่าวเมื่อต้นปี 58 ว่า
“ DSI รื้อคดีฆ่าข่มขืนสาวชาวญี่ปุ่น ขอตรวจดีเอ็นเอ ตชด. 160 นาย “
การสืบสวนสอบสวนคดีนี้ ดูจะมึดมน และเข้าป่าเข้ารกจนยากที่จับผู้ร้ายได้ คาดว่าอีกไม่นานข่าวนี้ก็คงจะเงียบหายไปตามระเบียบ เช่นเดียวกับอีกหลายๆคดี
น่าเห็นใจเจ้าหน้าที่ของสถานฑูตจากญี่ปุ่น มาสอบถามความคืบหน้าจากตำรวจกี่ครั้งก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรเลย
สรุปว่างานนี้น่าจะตายฟรี...
สำหรับเที่ยวญี่ปุ่นตอนต่อไปจะเป็นการเดินทางเข้าสู่กรุงโตเกียว จากนั้นก็จะไปเที่ยววัดอาซาสุกะ ซึ่งเป็นวัดที่สวยงามและเก่าแก่ของญี่ปุ่น
โฟโต้ออนทัวร์
21 กันยายน 2558


Recommended by website photoontour.com
|
|
|
11 |
|
|