หลวงพระบาง ตอนที่1
(เดินทาง มิย.56)
ภาพชุดทัวร์หลวงพระบางครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่มีโอกาสเยือนเมืองมรดกโลกซึ่งเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เรียกว่าใครมาเที่ยวสักครั้งก็จะต้องติดใจกับเมืองเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขากลางป่าลึก และห่างไกลจากความเจริญ
เสน่ห์ของหลวงพระบางนั้นมีหลากหลาย ทั้งนี้ก็แล้วแต่ว่าจะคิดอย่างไร แต่ส่วนใหญ่แล้วก็หนีไม่พ้นเรื่องป่า ธรรมชาติริมแม่น้ำโขง วิถีชีวิตของผู้คนที่ดูเรียบง่าย บ้านเมืองดูย้อนยุค มีอาคารไม่สูงนัก ผู้คนมีน้ำใจ วัดวาอารามสวยงาม สะท้อนถึงความเป็นเมืองประวัติศาสตร์ในยุคอาณาจักรล้านช้าง หรืออาณาจักรเชียงทอง
สำหรับคนไทยก็จะชอบที่เป็นเมืองที่หยุดโลก ทุกอย่างไม่รีบเร่ง บ้านเมืองดูสบายตา เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนอย่างแท้จริง
สมัยก่อนการที่จะเดินทางมาหลวงพระบางก็จะต้องเดินทางโดยรถยนต์ โดยเริ่มต้นที่เมืองเวียงจันทน์ และอาจแวะพักที่เมืองวังเวียง จากนั้นก็เดินทางต่อมายังหลวงพระบาง รวมระยะทางประมาณ 395 กม.
สำหรับรถประจำทางของลาวใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 ชั่วโมง ซึ่งค่อนข้างยาวนานทีเดียว แต่น่าแปลกที่หลายคนอาจไม่เบื่อเนื่องจากมีธรรมชาติที่แปลกตาตลอดเส้นทาง
ระยะทางอาจไม่มากนักแต่เนื่องจากเป็นการเดินทางที่ลัดเลาะไปตามสันเขา บวกกับสภาพถนนที่เป็นแบบเดิมๆ แคบๆ จึงทำให้คำนวณเรื่องเวลาค่อนข้างลำบาก หลายคนอาจจะเข็ด แม้แต่คนลาวเอง เนื่องจากนั่งรถกันทั้งวัน อาจเคลื่นเหียนอาเจียนเอาได้สำหรับคนที่ไม่คุ้นชินกับการเดินทางแบบนี้
จากเวียงจันทน์สู่หลวงพระบางเป็นเส้นทางที่จะต้องผ่านป่าเขาที่สมบูรณ์และดูเป็นชนบทเอามากๆ ชนิดที่หาไม่ได้ในเมืองไทย ภาพบ้านเรือนและวิถีชีวิตของผู้คนในชนบทเห็นแล้วก็สบายตา สบายใจ มันเหมือนกับย้อนยุคประเทศไทยไปหลายสิบปี
ใครที่ชอบธรรมชาติและมีโอกาสมาเที่ยวในช่วงหน้าฝนก็อาจติดใจ ที่มองไปทางไหนก็มีแต่ความสวยงามตลอดการเดินทาง และเส้นทางนี้ได้รับการขนานนามว่า
“ เป็นเส้นทางที่สวยที่สุดในอินโดจีน”
สำหรับการเดินทางไปหลวงพระบาง สามารถเดินทางโดยรถยนต์ และเดินทางโดยเครื่องบิน
การเดินทางโดยรถยนต์ จะเป็นรถตู้ หรือรถบัส หลายคนก็อาจเคยใช้บริการมาแล้ว
แต่เดินทางโดยเครื่องบินคิดว่าคงน้อยคนนักเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่าค่อนข้างเยอะ โดยประมาณแล้วจะตกคนละ 16,000-22,000 บาท ซึ่งปัจจุบันก็มีให้เลือกทั้งลาวแอร์ไลน์ การบินไทย และนกแอร์
ส่วนค่าทัวร์โดยรถยนต์ก็ตกคนละประมาณ 7- 8 พันบาท
เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ
หรือหากจะไปเที่ยวเองก็มีรถบัสของลาวบริการ จากเวียงจันทน์ - หลวงพระบาง แต่ถ้าจะไปเองก็แนะนำให้พักที่วังเวียง 1 คืน โดยหาที่พักแถวริมแม่น้ำซอง แล้วก็จะหลงเสน่ห์เมืองวังเวียง ว่าธรรมชาติสุดๆ
การเดินทางโดยเครื่องบินมี 2 วิธี
วิธีแรกคือบินตรงจากสุวรรณภูมิสู่หลวงพระบาง ซึ่งเป็นเที่ยวบินพิเศษที่อาจจัดขึ้นในบางโอกาส ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินค่อนข้างบ่อย เนื่องจากมีการแข่งขันระหว่างสายการบินด้้วยกันเอง
วิธีที่สองคือบินจากสุวรรณภูมิสู่นครเวียงจันทน์ จากนั้นก็นั่งเครื่องบินภายในไปลงที่หลวงพระบาง หรือจะนั่งรถต่อในเส้นทางที่จะต้องผ่านวังเวียง เป็นการผสมผสานระหว่างเดินทางโดยเครื่องบินกับรถยนต์
ส่วนขากลับก็อาจมีทางเลือก 2 วิธีคือบินตรงจากหลวงพระบางสู่สนามบินสุวรรณภูมิหรือ บินจากหลวงพระบางมาลงที่เวียงจันทน์ แล้วบินต่อไปยังสุวรรณภูมิ ซึ่งอาจดูหลายต่อหลายทอด ซึ่งจากที่เคยสอบถามมาได้คำตอบว่า สนามบินหลวงพระบางเป็นสนามบินเล็ก ยังไม่ไช่สนามบินนานาชาติ ดังนั้นการบินจากลาวสู่ประเทศต่างๆก็ต้องไปตั้งหลักที่สนามบินวัดไตในนครเวียงจันทน์
แต่ปัจจุบันข้อมูลที่ว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากสนามบินหลวงพระบางมีการปรับปรุงและขยายให้ใหญ่กว่าแต่ก่อน เป็นการสร้างอาคารผู้โดยสารขึ้นมาอีกแห่งหนึ่งแต่อยู่ใกล้ๆกัน
ขณะนี้สนามบินแห่งใหม่คงเปิดใช้ไปเรียบร้อยแล้ว แต่จะขยับฐานะขึ้นเป็นสนามบินนานาชาติหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ เนื่องตามกฏการบินระหว่างประเทศแล้วก็ต้องผ่านการรับรอง และมีกฏเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติอีกมากมาย โดยเฉพาะการลงทุนเรื่องระบบและอุปกรณ์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่เชื่อมต่อหรือออนไลน์กันทั่วโลก
สำหรับการเดินทางไปหลวงพระบางคราวนี้ ใช้บริการของสายการ “ลาวแอร์ไลน์” ที่มีสัญญลักษณ์เป็นดอกลั่นทม หรือดอกลีลาวดี ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติลาว และลาวก็มีสายการบินนี้เพียงสายการบินเดียวยังให้บริการ ส่วนสายการบิน “ลาวเซ็นทรัลแอร์ไลน์ “ (Lao Central Airlines) ที่เปิดมาได้ไม่นานก็เลิกกิจการไปแล้ว
(ชมการเดินทางโดยสายการบินลาวเซ็นทรัล แอร์ไลน์ ธค.55 ได้ที่นี่)
ภาพโลโก้ของสายการบินลาว

การเดินทางครั้งนี้เริ่มจากสนามบินสุวรรณภูมิสู่นครเวียงจันทน์ ส่วนขากลับ ต้องบินจากหลวงพระบางมาลงที่นครเวียงจันทน์ จากนั้นก็แวะเที่ยวเมืองเวียงจันทน์ต่อ พอได้เวลาก็นั่งเครื่องจากเวียงจันทน์มาลงที่สุวรรณภูมิ
สำหรับภาพชุดนี้เป็นภาพชุดแรก และหากไครจะเปรียบเทียบกับภาพชุดก่อนๆก็สามรถเปรียบเทียบกันได้ ซึ่งเป็นการเดินทางต่างเวลา ต่างฤดูกาลกัน ทำให้เห็นความแตกต่างค่อนข้างชัดเจน
ครั้งนี้เดินทางในช่วงเดือน มิถุนายน 2556 ซึ่งย่างเข้าฤดูฝนแล้ว ทำให้เห็นความสด ความเขียวของป่าไม้และธรรมชาติที่สวยงามตลอดการเดินทาง เรียกว่ามากี่ครั้งก็เห็นภาพที่ไม่ค่อยจะซ้ำกัน
ตอนต่อไปพบกับเมืองวังเวียง เสน่ห์แห่งขุนเขาริมแม่น้ำซองชนิดที่อยากมาเห็นกับตาตนเอง และซึมซับให้เต็มหัวใจ จากนั้นก็จะพาไปพบกับถนนสายวังเวียง - หลวงพระบาง ที่ชาวต่างชาติขนานนามให้ว่าสวยที่สุดในกลุ่มประเทศอินโดจีน
โฟโต้ออนทัวร์
20 สิงหาคม 2558
|
|
|
|
|
ชมภาพการเดินทาง |
|
|
|
|
|
เดินทาง กค.51 |
เดินทาง ธค.55 |
เดินทาง มิย.56 |
|
|
|
|
|