อาณาจักรขอมโบราณ นครวัด นครธม ที่เสียมเรียบ
หนึ่งในเจ็ด ของสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่อยู่ใกล้บ้านเรามากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นปราสาทหินนครวัดของกัมพูชา ความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรขอมโบราณเลื่องลือไปทั่วโลกว่าเป็นปราสาทหินสลักนูนต่ำที่มีลวดลายวิจิตรตระการตา จนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นฝีมือมนุษย์ที่มีอายุมาเกือบพันปี หลายคนมีข้อสงสัยและตั้งคำถามว่าคนสมัยก่อนสร้างได้อย่างไรกัน หรือทำไมอาณาจักรขอมที่เคยรุ่งโรจน์ในอดีต จู่ๆก็หายไปจากประวัติศาสตร์ของเขมร จนกระทั่งมีการค้นพบจากนักสำรวจชาวฝรั่งเศส เมื่อร้อยกว่าปีมานี้เอง
ผมมาเที่ยวเขมรหรือกัมพูชาคราวนี้ ก็พกความสงสัยไว้หลายข้อ เช่นทำไมเขมรยุคต่อๆมาจึงไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชี้ให้เห็นว่ามีการเชื่อมต่อกับอดีต คล้ายกับว่า เขมรปัจจุบัน กับ ขอมในอดีต เป็นคนละเผ่าพันธ์ หรือว่า พวกขอม ที่เคยรุ่งเรืองนั้นสูญพันธ์ไปหมดแล้ว
ใครที่มีข้อสงสัยและอยากรู้คำตอบก็ต้องติดตามกันต่อไป เพราะต้องยอมรับอาณาจักรขอมนี้ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่รับรู้จากตำราหรือดูจากภาพยนต์สารคดี เพราะเรากำลังเดินทางสู่ของจริงที่เห็นกับตา และมีหลายมิติให้เราได้สัมผัส
เมืองเสียมเรียบ หรือเสียมราฐที่ไทยเคยเรียกในอดีต ปัจจุบันเป็นสถานท่องเที่ยวระดับโลก และเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของมรดกโลก ที่หลายคนหลงไหลในความยิ่งใหญ่ของปราสาท รวมทั้งหินสลัก นางอัปสร หรือ นางอัปสรา จำนวนมากมายที่ยืนเปลือยอกอยู่รอบปราสาทนครวัด และหลายคนก็ถือโอกาสประทับรอยมือไว้กับนางอัปสรา เพียงเพื่อจะบอกว่าได้มาสัมผัสนครวัดอย่างสมบูรณ์แล้ว
แต่ก่อนจะไปยลโฉมนางอัปสรา ก็ขอเล่าเรื่องการเดินทาง โดยตั้งต้นจากปอยเปต หรือประตูสู่กัมพูชากันก่อน เพราะมีสิ่งน่าสนใจไม่น้อย จากนั้นก็จะพานั่งรถเที่ยวเมืองเขมร ซึ่งพบเห็นสิ่งแปลกๆอีกมากมาย
ปอยเปต
ปอยเปตเป็นเมืองของเขมรที่ติดกับ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้วในบ้านเรา ปัจจุบันคนทั่วไปอาจรู้จักปอยเปตในฐานะที่เป็นบ่อนพนันของเขมรที่อยู่ติดชายแดนไทย หลายคนงุนงง ว่าทำไมประเทศเขมรที่ว่ายากจน แต่เมืองปอยเปตกลับเจริญทันสมัยมาก มีตึกใหญ่โตไม่แพ้โรงแรมระดับ 5 ดาว บางตึกก็ดูคล้ายศูนย์การค้าขนาดใหญ่ไม่ต่างกับในกรุงเทพ และยังมีโครงการใหญ่ๆกำลังก่อสร้างอีกหลายแห่ง
ไกด์บอกวาตึกที่เห็นนั้นเป็นบ่อนการพนันที่นักการเมืองไทยไปลงทุน ร่วมกับนักการเมืองของกัมพูชา
ที่ผ่านมาบ้านเราพยายามให้มีการเปิดบ่อนเสรีมาหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะโดนกลุ่มมหาจำลอง และประชาชนต่อต้านทุกครั้ง พวกนี้อ้างว่าประเทศจะได้มีรายได้นับพันนับหมื่นล้าน เงินจะได้ไม่รั่วไหลออกนอกประเทศ แต่คนพวกนี้ไม่ได้มองถึงผลกระทบด้านลบทางสังคมอีกมากมายที่ประเมินค่ามิได้ หัวสมองนักการเมืองพวกนี้จึงคิดแต่เรื่องเงินลูกเดียว
แค่อ้าปากชาวบ้านก็รู้แล้วว่า เป็นการอ้างเพื่อผลประโยชน์ของตนเองทั้งนั้น
ดีแล้วที่ไม่สำเร็จ... คนเหล่านี้จึงหาทางไปเปิดในประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกับไทย ถามว่านักการเมืองคนไหนที่ไปลงทุน ก็ต้องบอกว่าให้ไปสอบถามคนแถวฝั่งธน และแถวปากน้ำ จ.สมุทรปราการ จะรู้ดีกว่าใคร บางกระแสบอกว่าเสี่ยอ่างจากย่านรัชดา ก็มาลงทุนเช่นกัน
ปอยเปตที่เห็นเจริญรุ่งเรือง ก็มาจากการพนันทั้งนั้น แต่ถ้าจะถามว่า " ใครรวย " ก็ต้องบอกว่านักการเมืองจากไทย และจากเขมร ส่วนประชาชนคนเขมรก็ยังยากจนเหมือนเดิม เม็ดเงินที่ตกถึงคนเหล่านี้ก็เป็นเพียงการจ้างแรงงาน จ้างขนของราคาถูกๆ ประเทศเผด็จการก็แบบนี้แหละครับ ไม่ว่าจะเป็นเขมร หรือพม่า ก็มาอีหรอบเดียวกัน ที่ผู้มีอำนาจร่ำรวยอยู่กลุ่มเดียว คนในประเทศจะเป็นยังไงก็ช่างหัวมัน ส่วนนักการเมืองบ้านเราก็รู้ๆกันอยู่ มีพื้นฐานมาจากอาชีพผิดกฏหมายแบบนี้กันหลายคน เงินที่ได้จากบ่อนถึงเวลาเลือกตั้งก็เอาไปฟาดหัวประชาชน เพื่อให้ตนเองมีอำนาจทางการเมือง จะได้ปกป้องธุรกิจ และจะได้มีโอกาสขยายกิจการของตนได้ ปากก็ว่าเป็นตัวแทนที่มาตามครรลองประชาธิปไตย แต่จิตใจ สกปรกโสโครกมาก ถามว่าคนเหล่านี้คือไคร หาไม่ยากครับ ทีวีก็มีให้เห็นหน้ากันทุกวัน เชิดหน้าชูตากันสลอนในจอทีวี ...
" อ๊วก.. ขอโทษ คลื่นใส้ ที่เห็นหน้าพวกเหล่านี้ครับ "
ตลาดโรงเกลือ (แต่ไม่มีเกลือขาย)
เป็นตลาดสินค้าทางฝั่งไทย ขายสินค้ามือสองหรือสินค้าบริจาคที่มาจากเขมร ของบริจาคจากต่างประเทศเหล่านี้คนเขมรไม่ได้นำไปใช้ แต่กลับนำมาขายทางฝั่งไทยในราคาถูกๆ กระทั่งตลาดโรงเกลือกลายเป็นตลาดสินค้ามือสองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
แรกๆรู้สึกแปลกใจว่าของบริจาคทำไมจึงมีมากมายนัก ก็ได้รับคำตอบว่าของเหล่านี้ไม่ได้มาเป็นตู้คอนเทนเนอร์ แค่ 2-3 ตู้ แต่มากันเป็นลำเรือ คือว่าเรือสินค้าลำใหญ่จะบรรทุกแต่ของบริจาคนี้ทั้งหมด มีทั้งเสื้อผ้า รองเท้า ผ้าต่างๆ ของใช้ในบ้าน และอื่นๆอีกมากมาย บางอย่างก็เป็นของมียี่ห้อเกรดดี เช่นรองเท้ากีฬาไนกี้ หรือรองเท้าหนังจากอิตาลี ของใหม่คู่ละ 3 พันบาท แต่ขายมือสองในสภาพที่ดูดีแค่ 199 บาทเท่านั้นเอง และของที่นี่ก็อย่าดูถูกว่าเป็นของเก่า ขนาดคนร่ำคนรวยมาเห็นแล้วก็อดใจไม่ได้ เช่นเมื่อก่อนนี้ผ้าม่านแบบหลุยส์ที่ทำจากเนื้อผ้าชั้นดี หากจ้างทำแล้วก็ตกเป็นแสน แต่ที่ตลาดโรงเกลือ สภาพเก่าหน่อย ขายกันหลักพันเท่านั้นเอง เข้าร้านซักแห้งแล้วก็ออกมาดูใหม่ หรือแม้แต่ผ้าคลุมเตียงเนื้อดีสภาพใหม่ ขายกันที่หลักร้อยเท่านั้นเอง คนที่ซื้อไปบอกว่าผ้าแบบนี้หายากในเมืองไทย หากมีก็ขายกันหลักหมื่น จนไครต่อใครบอกต่อๆกันว่า ถ้าคิดจะมาเที่ยวตลาดโรงเกลือแล้วต้องพกเงินมามากๆ ไม่งั้นจะเสียดายแย่
ตลาดโรงเกลือ หากนึกภาพไม่ออกก็ขอให้นึกถึงตลาดนัดจตุจักรก็แล้วกัน เพราะสภาพทั่วๆไปไม่ต่างกันมากนัก แต่ตลาดโรงเกลือดูแล้วน่าจะมีบริเวณกว้างขวางกว่า ภายในก็มีบริการรถให้เช่า ทั้งจักรยาน และรถซาเล้ง จะขี่ซาเล้งพาเด็กๆเที่ยว หรือจะบรรทุกของก็ได้ทั้งนั้น บางครอบครัวก็เห็นพาคนแก่และเด็กนั่งกันเต็มรถ
นอกจากตลาดโรงเกลือจะเป็นตลาดสินค้าที่หลากหลายแล้วก็ยังเป็นท่ารถบัส รถทัวร์ จากกรุงเทพ มีทั้งรถนักท่องเที่ยว และรถของทางบ่อนที่บริการนักพนัน คิดค่าโดยสารกันถูกๆเพียง 100 บาท เท่านั้นเอง ในกรุงเทพมีจุดรับส่งหลายแห่ง เช่น วงเวียน 22 กรกฏา สวนลุม(ตรงถนนพระราม 4 ) อีกแห่งหนึ่งก็แถวถนนอังรีดูนัง รถเที่ยวแรกออกจากกรุงเทพเวลา 05.30 น. ระยะทางประมาณ 300 กม. ทุกคนสามารถใช้บริการได้ครับ
บริษัททัวร์เล็กๆที่รับจัดเป็นกรุ๊ปในทริปนครวัดนครธม ประเภทไม่เกิน 10 คน ก็ใช้บริการรถเหล่านี้เพราะต้นทุนต่ำ หรือใครคิดจะแบกเป้ไปเที่ยวกันเองโดยไม่ต้องพึ่งทัวร์ก็ใช้บริการได้ เมื่อไปถึงปอยเปตแล้วก็มีรถแท๊กซี่บริการรับส่งจนถึงเมืองเสียมเรียบ จากนั้นก็หาที่พักกันเอาเอง
หลังจากที่พวกเรามาถึงตลาดโรงเกลือกันแล้ว ก็ลงเดินไปยังด่านชายแดนที่อยู่ติดกัน เสร็จจากพิธีการตรวจคนเข้าเมืองของทั้งสองประเทศแล้วก็ไปขึ้นรถท่องเที่ยวของเขมรที่จอดรออยู่ เป็นรถบัสที่ผลิตในเกาหลีจุได้ราว 40 คน มีไกด์ชาวเขมรทำหน้าที่บรรยายเป็นภาษาไทย แต่สำเนียงเขมร ซึ่งบางคำก็เรียกเสียงฮากันสนุกสนาน
การเดินทางจากปอยเปตสู่เสียมเรียม มีระยะทาง 160 กิโลเมตร แต่ต้องใช้เวลาเดินทางราว 5-6 ชั่วโมง ออกจากปอยเปตประมาณ 11 โมง คาดว่าจะถึงเสียมเรียบราว 5 โมงเย็น
" สงสัยไม้ครับว่าทำไมใช้เวลาวิ่งนานจัง "
" ตอนนี้อย่าพึ่งสงสัย ตอนต่อไปจะหายสงสัยเอง "
" พร้อมออกเดินทางกันรึยังครับ... ถ้าพร้อมแล้วก็เตรียมผ้าปิดจมูกกันได้เลย "
และนับจากนี้ไปก็จะเป็นช่วงเวลาย้อนอดีต ของการเดินทางไปต่างจังหวัดในสมัยก่อนของคนไทย อยากรู้ว่าเมื่อก่อนคนไทยเดินทางกันอย่างไร ก็โปรดติดตามกันตอนต่อไปในภาค 2
เว็บมาสเตอร์
โฟโต้ออนทัวร์
28 กุมภาพันธ์ 2551
การเดินทาง
หากขับรถไปเองก็มีให้เลือกหลายเส้นทาง
1 ใช้ถนน รังสิต - องครักษ์
จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสายพหลโยธินมาถึงรังสิต แล้วให้ชิดซ้ายโดยใช้สะพานวงแหวนข้ามมาลงที่เส้นทางหมายเลข 305 ผ่านอำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก จากนั้นเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 33 ผ่านอำเภอกบินทร์บุรี ไปจนถึงจังหวัดสระแก้ว ระยะทางประมาณ 214 กิโลเมตร
2 ถนนหมายเลข 1 กรุงเทพ สระบุรี
จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 แล้วเลี้ยวขวาที่แยกหินกองไปตามทางหลวงหมายเลข 33 ผ่านจังหวัดนครนายก อำเภอกบินทร์บุรี ระยะทางประมาณ 249 กิโลเมตร
3 กรุงเทพ ฉะเชิงเทรา
จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 304 ผ่านเขตมีนบุรี ผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรา จากนั้นให้ใช้เส้นทางไปอำเภอพนมสารคาม พอถึงประมาณกิโลเมตรที่ 35 ให้เลี้ยวขวาไปทางอำเภอกบินทร์บุรี โดยใช้เส้นทางหมายเลข 304 พอถึงประมาณกิโลเมตรที่ 95 ให้เลี้ยวขวาอีกครั้ง เข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 33 ไปจนถึงจังหวัดสระแก้ว
รถประจำทาง
ก็ขึ้นรถที่หมอชิต กรุงเทพ อรัญ ค่ารถ 168 บาท ระยะทาง 300 กม. เดินทาง 4 ชั่วโมง ถึงอรัญก็ต่อด้วยรถรับจ้างไปตลาดโรงเกลือหรือด่านปอยเปตอีก 5 กม. ค่ารถตุ๊กเหมาประมาณ 60 บาท
|