|
|
|
 |
|
เที่ยวนครวัด นครธม (ตอนที่ 3) พักโรงแรม 4 ดาว และตุนพลังด้วยอาหารนานาชาติแบบบุฟเฟ่ต์ก่อนออกลุยในวันรุ่งขึ้น อ่านต่อ |
Home > Outbound > Angkor 3 |
|
|
|
|
 |
|
กัมพูชาตอนที่ 3
พักเอาแรง ก่อนออกลุยนครวัด นครธม
(บันทึกการเดินทางเมื่อเดือน กรกฏาคม 2550 )
ระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร จากด่านชายแดนปอยเป็ตถึงเสียมเรียบ เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 6-7 ชั่วโมง เหตุที่ต้องเดินทางกันนานก็อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นเส้นทางวกวนบนภูเขาที่มีหนทางยากลำบาก แต่ความจริงแล้วเป็นถนนลูกรังธรรมดาๆที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ และอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ตลอดเส้นทางก็คลุ้งไปด้วยฝุ่นจากรถคันใหญ่ที่สวนทาง ไม่ต่างกับการเดินทางไปต่างจังหวัดของบ้านเราในสมัยก่อน นอกจากนี้ยังมีสัตว์เลี้ยง วัว ควาย อีกมากมาย ที่ออกมาเดินเพ่นพ่านตามถนน
ราวห้าโมงเย็นก็มาถึงเสียมเรียบ เป็นการสิ้นสุดการเดินทางบนถนนสายฝุ่นของวันนี้
จากนั้นก็เข้าพักยังโรงแรมที่ดูค่อนข้างจะใหญ่โตหรูหรา ชนิดผิดคาดทีเดียว นึกว่าเมืองเขมรจะมีโรงแรมที่พักแบบพอเพียง ที่ไหนได้พอรถพาเข้าเขตเมืองเสียมเรียบ ก็เห็นแต่โรงแรมระดับ 3 ดาว 4 ดาว เรียงรายทั้งสองฝากถนน ชนิดนั่งนับกันไม่ทัน สร้างความตื่นตาให้กับพวกเราไม่น้อย บางแห่งก็ดูคลาสสิคระดับ 5 ดาว ที่ไกด์บอกว่าเชื้อพระวงค์จากไทยเคยเสด็จมาประทับ นอกจากนี้ก็เคยต้อนรับลูกค้า วีไอพี ระดับผู้นำประเทศ
ใครคิดว่าเขมรยากจน บ้านเมืองมีตึกอาคารเก่าๆที่ไม่ใหญ่โตนัก ก็ขอให้คิดเสียใหม่
สำหรับผมแล้วต้องบอกว่า เมืองเสียมเรียบ ต่างกับปอยเป็ตราวฟ้ากับดิน ทั้งที่ปอยเป็นเป็นประตูสู่เขมร นำเงินตราเข้าประเทศเป็นจำนวนไม่น้อย โดยผ่านนักท่องเที่ยวและการขนถ่ายสินค้าที่มีปริมาณมากในแต่ละวัน แต่สภาพของเมืองปอยเป็ตดูสกปรกรุงรัง สะื้ท้อนให้เห็นชีวิตจริงของคนเขมรได้เป็นอย่างดี
โรงแรมในเสียมเรียบผุดเป็นดอกเห็ด และหากนับจำนวนแล้วอาจมีราวครึ่งหนึ่งของโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่ (ปี 2550 เชียงใหม่มีประมาณ 230 แห่ง) และไกด์ยังบอกว่ามีมากกว่ากรุงพนมเปญหรือเมืองหลวงเสียอีก
ผมก็จำชื่อโรงแรมที่ผมพักไม่ได้ และไม่มีภาพด้านหน้าโรงแรม เนื่องจากมีปัญหาการโหลดภาพจากกล้องถ่ายภาพ ภาพสูญหายไปหลายร้อยภาพ หากเทียบเป็นกล้องฟิล์มแล้วเท่ากับว่าทำฟิล์มที่ถ่ายแล้วหายไปราว 7-8 ม้วน กล้องไม่มีปัญหาและใช้งานได้ดีมาตลอด แต่เป็นความผิดพลาดส่วนตัว ที่ลืมโหลดไฟล์ภาพจาก Memory (SD card) ไปเก็บไว้ในฮาร์ดดิสแบบพกพาหลังถ่ายภาพจนเต็ม พอวันถัดไปก็นำ SD card อันนี้้จับใส่กล้องเพื่อเปลี่ยนสลับกับอีกอันหนึ่ง จากนั้นทำการฟอร์แมทตามขบวนการ เป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อยโรงเรียนเขมร กว่าจะรู้ก็มาถึงบ้านแล้ว นึกอยู่ตั้งนานว่าพลาดตรงไหน
ถึงบางอ้อ และนึกขึ้นได้ก็ตอนที่ถ่ายพนักงานต้อนรับสาวที่มีหน้าตาสระสวยคนหนึ่ง (ขอสงวนใบหน้า) ว่าสงสัยจะโดนมนต์สะกดของสาวเขมร จนหลงๆลืมๆ และเลอะเลือนไปชั่วขณะ ความผิดพลาดครั้งนี้สงสัยต้องกลับไปแก้ตัวกันใหม่ กลัวอย่างเดียว..
กลัวว่าเธอจะแต่งงานแล้ว (ป๋อย...)
แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ภาพส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวกับสถานที่สำคัญๆเช่นปราสาทต่างๆ หากคิดเป็นความเสียหายก็ราว 15 เปอร์เซ็นต์ของภาพทั้งหมดเท่านั้น เสียดายเหมือนกันที่ไม่เห็นบรรยากาศตอนเช้าๆภายในโรงแรม และในห้องอาหารแบบบุฟเฟท์ที่หรูหรา รวมทั้งภาพท้องถนนหน้าโรงแรมที่เต็มไปด้วยสีสันยามเช้าของเมืองเสียมเรียบในช่วงเวลาทำงาน
ไกด์เขมรบอกว่าโรงแรมในเสียมเรียบนี้มีเป็นร้อยๆ และกำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างอีกมาก ทั้งหมดนี้เป็นการลงทุนจากต่างชาติทั้งสิ้น มีทั้งไทย (เจ้าของเบียร์ช้าง) จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ยุโรป แต่ละแห่งก็สร้างกันใหญ่โตเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางมาชมปราสาทนครวัด นครธม ถึงปีละประมาณ 1.2 ล้านคน (หรือประมาณครึ่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่)
ไกด์บอกต่อว่าในจำนวนนักลงทุนทั้งหมดนี้ นักธุรกิจจากเกาหลีมาลงทุนมากที่สุด นอกจากนี้ก็ยังกว้านซื้อที่ดินในบริเวณนิคมการท่องเที่ยว ที่รัฐบาลเขมรได้จัดสรรสถานที่แห่งใหม่ให้กับนักลงทุน อนาคตจะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางของโรงแรมที่พัก และศูนย์กลางของการท่องเที่ยว หากโครงการนี้เดินหน้าอย่างเต็มที่แล้ว โรงแรมต่างๆที่อยู่บนถนนสายหลักกลางเมืองเสียมเรียบ ก็ต้องย้าย หรือไปสร้างในที่แห่งใหม่ ส่วนพื้นที่กลางเมืองก็จะไม่มีการออกใบอนุญาตให้สร้างโรงแรมที่พักกันอีกต่อไป
ใครมาเที่ยวเสียมเรียบในช่วงปีสองปีนี้ คงแปลกใจที่เห็นโรงแรม รวมทั้งอาคารพาณิชย์แห่งใหม่ๆ กำลังเร่งสร้างกันหลายแห่ง เป็นการเปลี่ยนโฉมเมืองเสียมเรียบกันอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ที่ดินในทำเลดีๆมีราคาแพงลิ่ว ไม่ต่างกับย่านธุรกิจสำคัญๆในเมืองไทย แต่ความเจริญต่างๆที่เกิดขึ้นนี้ นักธุรกิจก็ต้องนำเงินมาโปรยหว่านให้กับเจ้าหน้าที่ และผู้มีอำนาจของประเทศไม่ไช่น้อย เรียกว่าเป็นการคอรัปชั่นอย่างเป็นระบบ และไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานใดๆ
ไกด์เขมรหลายคนเล่าเรื่องการคอรัปชั่นของรัฐบาล(เขมร) บอกว่าคนเขมรรู้กันทั้งนั้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะ..
ผู้นำก็คืออดีตเขมรแดง มีอิทธิพลทางทหารและทางการเมืองสูงมาก ไม่มีใครกล้าโวยวายหรือขัดขวาง
เปรียบเทียบกับบ้านเราก็ไม่ต่างกับสามารถคุมกองทัพและตำรวจได้ทั้งหมด คุมการบริหารประเทศ รวมไปถึงรัฐสภา ที่สำคัญยังไม่มีใครจะมาเทียบเคียง หรือเป็นทางเลือกใหม่ให้กับคนรุ่นปัจจบัน เพราะคนเก่ง และ คนมีความรู้ความสามารถ ถูกฆ่าตายในสมัยสงครามเขมรแดงจนหมดสิ้น
เมื่อเขมรแดงยึดประเทศได้เบ็ดเสร็จ(โดยมีจีนหนุนหลัง) จากนั้นก็ผันตัวเองขึ้นปกครองประเทศ จนถึงทุกวันนี้
ไกด์เล่าต่อว่า กลุ่มผู้นำเขมรแดงในอดีตก็เป็นชาวบ้านที่ไม่มีความรู้และการศึกษาสูงมากนัก เช่นเดียวกับพวกคอมมิวนิสต์ของไทยในต่างจังหวัดที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาวนาชาวบ้านจากชนบทที่ถูกล้างสมอง จนเข้าร่วมกับขบวนการ บางคนพอได้เป็นใหญ่ก็แต่งตั้งเพิ่มยศทางทหารให้กับตนเอง และก็มีบางคนที่หนักกว่านั้น ได้สถาปนายกฐานะของตนเองให้เป็นเจ้า มีเชื้อกษัตริย์เฉยเลย
เขียนถึงเรื่องนี้ ก็คลับคล้ายคลับคลาว่า ประเทศไทยกำลังจะเลียนแบบเขมรหรือเปล่า ดูๆแล้วมันเหมือนศึกษามาจากตำราเล่มเดียวกัน อาจต่างกันนิดหน่อยตรงที่ว่า
เขมรนั้นโคตรโกง แต่บ้านเรานั้น โกงทั้งโคตร
ขณะเดียวกันก็กำลังพัฒนาเป็นการโกงทั้งแก๊ง หรือโกงยกแก๊ง
มาเที่ยวเขมรคราวนี้ได้ความรู้เรื่องเขมรอีกเยอะเชียว ใครอยากรู้เรื่องราวของเขมรในอดีต ต้องฟังจากปากของไกด์นะครับ แค่ตั้งคำถามไป 2 -3 ข้อ ก็พรั่งพรูออกมาดั่งสายน้ำ เหมือนกับว่าเหตุการณ์ที่เล่ามานี้เพึ่งจะผ่านพ้นไปไม่นานนี้เอง
" แล้วเมื่อไหร่คนเขมรจะลืมอดีต " ผมลองถามเล่นๆ
" คงเป็นรุ่นลูก หรือรุ่นหลานโน่นนะครับ " ไกด์เราให้คำตอบ พร้อมกับตักปลาเผาเข้าปาก จากนั้นก็ยกแก้วเบียร์ที่มีีรสชาติจืดๆ กระดกจนหมดแก้ว
................................................................................................................................................................................
การสร้างโรงแรมในเมืองเสียมเรียบนี้ มีข้อกำหนดความสูงไว้ประมาณไม่เกิน 5 6 ชั้น หรือไม่ให้สูงไปกว่าปราสาทนครวัด เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อสถานที่ ที่เมื่อหลายร้อยปีก่อนถือว่าปราสาทต่างๆเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เรื่องนี้น่าจะเป็นกฏของยูเนสโก เพื่อป้องกันแรงสะเทือนจากการตอกเสาเข็มของอาคารขนาดใหญ่ ที่จะกระทบต่อปราสาทนครวัด ซึ่งอยู่ใกล้ตัวเมืองเสียมเรียบมากที่สุด ทำนองเดียวกันนี้ องค์การยูเนสโก ก็ใช้บังคับกับสถานที่เป็นมรดกโลกในอีกหลายประเทศ
ขณะนั่งรถผ่านไปในเมืองเสียมเรียบเราจะเห็นโรงแรมแต่ละแห่งมีความสูงพอๆกัน ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมระดับกี่ดาวก็ตาม และแต่ละแห่งจะมีรูปทรงทางสถาปัตยกรรมผสมผสานของงานศิลปแบบเขมร ดูแล้วน่าก็อาจเป็นระเบียบของผังเมืองที่กำหนดไว้แบบนี้ ต่างกับโรงแรมในเมืองปอยเป็ต หรือในย่านกาสิโน ที่แต่ละแห่งได้ออกแบบกันอย่างทันสมัยใหญ่โต บางแห่งก็สูงมากกว่า 10 ชั้น
สำหรับราคาค่าห้องพักในเมืองเสียมเรียบ ผมไม่ทราบนราคาที่แน่นอนนักเพราะมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ แต่จากสอบถามไกด์ก็บอกว่าราคาไม่แพงมาก ระดับ 3 ดาว ก็ดีมากแล้วสำหรับที่นี่ ถ้าเป็นระดับ 4 ดาว ก็ถือว่าอย่างหรูเลยทีเดียว หากเทียบกับประเทศต่างๆในแถบอาเซี่ยนแล้วถือว่าราคาถูกกว่ามาก นักท่องเที่ยวคนไทยที่มากับทัวร์ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใดก็แล้วแต่ จะไม่มีใครบ่นในเรื่องที่พัก มีแต่เสียงบอกพอใจด้วยกันทั้งนั้น ตรงนี้น่าจะเป็นข้อมูลสำหรับคนไทยที่คิดจะมาเที่ยวนครวัดแบบส่วนตัว คงไม่ผิดหวังในเรื่องที่พักแน่นอน ทั้งถูกทั้งดี
ตามโปรแกรมทัวร์สำหรับเย็นนี้ พวกเราจะต้องไปเที่ยวโตนเลสาบ หรือทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย แต่เนื่องจากปัญหาเรื่องฝนตก และเสียเวลาเดินทางกันนาน จึงต้องเลื่อนไปในวันพรุ่งนี้แทน สำหรับวันนี้หลังเข้าห้องพักแล้วก็อาบน้ำสระผมล้างฝุ่น จากนั้นก็เตรียมตัวไปทานข้าวกันที่ภััตตาคาร ชื่อว่า โตนเลแม่โขง ภัตตาคารนี้ ไม่ว่าทัวร์บริษัทไหนที่มาจากเมืองไทย หรือชาติอื่นๆในเอเชีย ส่วนใหญ่จะโคจรมาพบกันที่นี่ เนื่องจากมีโชว์ศิลปะวัฒนธรรมของเขมรบนเวทีใหญ่ ไฮไลท์สำคัญก็เป็นระบำนางอัปสร แสดงท่าร่ายรำเพื่อบูชาเทพเจ้า ตามที่จารึกไว้ในปราสาทนครวัด แต่วันนั้นผมมัวเพลินอยู่กับอาหารการกินที่มีมากมายหลายอย่าง จึงถ่ายภาพบนเวทีไว้เพียงนิดหน่อย
ส่วนอาหารในภัตตาคารนี้ก็เป็นแบบบุฟเฟต์ หลายเชื้อชาติ แต่หลักๆแล้วก็เป็นอาหารไทย เพราะคนไทยเป็นกลุ่มใหญ่สุดในบรรดานักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวนครวัดนครธม เนื่องจากอยู่ใกล้กว่าใคร ที่สำคัญค่าทัวร์ก็ถูกมาก ราคา 3 วัน 2 คืน เพียง 5,000 บาทเท่านั้น (ราคา ปี 2550)
หลังจากออกจากภัตตาคารนี้แล้วก็เข้าโรงแรม พักผ่อน นอนหลับ วันนี้เพลียจนไม่อยากออกไปไหน ฝนฟ้าก็ไม่ค่อยเป็นใจด้วย
สำหรับตอนที่ 4 หรือตอนต่อไป จะเป็นตอนสำคัญของทริปนี้ และมีโปรแกรมเที่ยวกันยาวเหยียดตลอดทั้งวัน คืนนี้จึงขอหลับเอาแรง จะได้ออกลุยในวันรุ่งขึ้นได้อย่างไม่มีปัญหา งานนี้รับรองว่าทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย ชนิดที่ชุ่มเหงื่อกันเลยละครับ
เว็บมาสเตอร์
โฟโต้ออนทัวร์
19 พฤษภาคม 2551
................................................................................................................................................................................
ติดตามเรื่องราวนครวัด นครธม ก่อนหน้านี้ได้ที่นี่
นครวัดตอนที่ 1 (จุดเริ่มต้นการเดินทางจากตลาดโรงเกลือ/ปอยเป็ต)
นครวัดตอนที่ 2 (เส้นทางสายฝุ่น ปอยเป็ต - เสียมเรียบ) |
|
|
|
|
|
|
copyright © www.photoontour.com, All rights reserved : ภาพในเว็บไซต์ได้รับความคุ้มครองตามกฏหมายลิขสิทธิ์ |
|
|
|
 |
|
|