เที่ยววัดเจ้าโหลงจี (วัดหินใหญ่)
วัดหินใหญ่ ภาษาพม่าเรียกว่า วัดเจ้าโหล่งจี บางคนอาจออกเสียงตามสำเนียงที่ได้ยินว่า วัดเจ้าโล่งจยี หรือ วัดเจ้าลงจี
ภาษาพม่าอาจฟังยาก เรียกวัดหินใหญ่แบบไทยๆดูจะง่ายกว่า และชื่อนี้ก็เหมาะสม เพราะเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนลานหินขนาดใหญ่บนเนินเขา ทำให้มองเห็นยอดเจดีย์แต่ไกล คนไทยที่มาเที่ยวเมียวดีก็มักมาไหว้พระธาตุแห่งนี้เพื่อเป็นศิริมงคล หรืออาจจะลองเสี่ยงทายโดยยกหินสีทองลูกกลมๆหนักราว 10 กิโล ที่เป็นของแปลกสำหรับวัดนี้
วิธีการเสี่ยงทายก็คือให้ยกก้อนหินก่อนว่าหนักแค่ไหน จากนั้นก็ให้อธิษฐานแล้วลองยกอีกครั้ง หากรู้สึกว่าเบากว่าครั้งแรกหรือก่อนอธิษฐาน แสดงว่าคำอธิษฐานนั้นจะมีโอกาสเป็นจริง แต่ถ้าหากรู้สึกว่าหนักกว่าเดิมแสดงว่าคำอธิษฐานนั้นไม่ได้ผล จึงต้องทำบุญให้มากขึ้น
การยกหินอาจเป็นเรื่องทางจิตวิทยา หรืออาจเป็นอุบายให้ผู้คนเข้าวัด
วัดหินใหญ่ อยู่ห่างจากตัวเมืองเมียวดีราว 3-4 กม. บนเเส้นทางลูกรัง และหลุมบ่อ ที่ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเมืองพม่า ระยะทางอาจไม่ไกลแต่ก็ต้องวิ่งกันช้าๆ เพราะเป็นถนนขรุขระ นึกในใจว่าคิดถูกแล้วที่ไม่เอารถเข้ามา เพราะสภาพถนนแบบนี้แทบหาไม่ได้ในเมืองไทย รถวิ่งโขยกเขยกไปสักช่วงก็เริ่มดีขึ้นมาบ้าง มองไปสองข้างมีแต่ดินปนหิน รู้เลยว่าไม่สามารถปลูกพืชผักอะไรได้ อีกทั้งสภาพแวดล้อมก็ดูจะแล้งๆ
ไกด์เล่าว่าที่นี่แห้งแล้งก็เพราะป่าไม้ถูกทำลายไปมาก จากพวกทหารที่ลักลอบตัดไปขาย
ทหารที่นี่เปรียบเสมือนเจ้าเมืองหรือ พ่อเมืองในสมัยก่อน มีสิทธิเด็ดขาดทั้งในเรื่องการปกครอง และความมั่นคง ศูนย์อำนาจทั้งหมดจะตกอยู่กับนายทหารที่ดูแลเมืองนั้นๆ สามารถชี้เป็นชี้ตายให้กับใคร หรือธุรกิจใดๆก็ได้
ทหารในความรู้สึกของชาวพม่าจึงเป็นภาพที่น่าเกรงขาม และน่ากลัว แต่ก็เป็นเช่นนี้มานานทีเดียว จนชาชินแล้วสำหรับคนพม่า ตัวอย่างไม่นานนี้ที่ประชาชนออกมาต่อต้านรัฐบาลพม่า จากการปรับเพิ่มราคาน้ำมัน ทั้งประชาชน พระสงฆ์ รวมทั้งแม่ชี รวมพลนับแสนออกมาประท้วงตามท้องถนน แต่พอรัฐบาลส่งทหารมาปราบอย่างจริงจัง ก็สลายการชุมนุม จากนั้นรัฐบาลก็ส่งทหารไปคุมสถานการณ์ตามวัดต่างๆทั่วประเทศ ไม่พ้นแม้กระทั่งวัดสำคัญๆในเมืองเมียวดี เพราะกลัวว่าจะใช้วัดเป็นสถานที่ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล
ในเรื่องการค้าขายของนักธุรกิจ หรือนักลงทุนจากต่างชาติ ก็ต่องผ่านทหารเช่นกัน และสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับประเทศนี้ก็คือ " ส่วย " ที่เปรียบเสมือนท่อน้ำเลี้ยงที่จะทำให้ทุกอย่างลื่นไหล ไม่ต่างคำว่า เงินใต้โต๊ะ หรือค่าน้ำร้อนน้ำชาในบ้านเรา จะต่างกันตรงที่พม่านั้น ทำกันบนโต๊ะอย่างเปิดเผย ไม่ต้องแอบซ่อน เพราะเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไป โดยเฉพาะนักการเมืองบ้านเรา หรือรัฐมนตรีบางคนจากรัฐบาลใหม่่ที่กำลังจะเปิดตัวในไม่ช้า อาจจะรู้ดีีมากกว่าคนอื่น รู้ว่าจะเปิดบ่อนการพนันที่ท่าขี้เหล็กติดชายแดนจังหวัดเชียงรายต้องทำอย่างไร หรือจะค้าขายไม้สักผ่านประเทศไทยต้องติดต่อใครบ้าง
การปกครองในพม่าจึงเรียกว่า การปกครองแบบเผด็จการทหาร
ส่วนบ้านเราอาจเรียกว่าเป็นการปกครองแบบ ประชาธิปไตยปฏิวัติ คือแบบพันธ์ผสม ประชาธิปไตยบ้าง ปฏิวัติบ้าง สลับกันไปตามอารมณ์ เช่นยามใดทหารรู้สึกอึดอัด ก็จะขอออกกำลังกายบ้าง โดยเอารถถังออกมาขับเล่นแก้กลุ้ม และกันไม่ให้ผู้นำตกกระป๋องเข้าประเทศ แต่พอนานเข้าเกิดเบื่อขึ้นมาก็เดินทางไปจูบปาก
กันถึง ลอนด้อน (พยายามออกเสียงให้มันเดิ้นๆหน่อย) คงจูบกันมันส์น่าดู เพราะไปหลายวัน ตามข่าวบอกว่าไปราชการ(ทหาร)
พอกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิก็ออกมาแถลงข่าว ที่ทำเอาบรรดาผู้สื่อข่าวหงายเก๋งงุนงงกันเป็นแถบๆ บอกว่า
" ไปจูบปากกับพี่หน้าเหลี่ยม มาแล้วจ๊ะ "
ไปหากันแบบรักใคร่คิดถึงกันในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ รุ่นน้องจากสถาบันเดียวกัน บรรยากาศที่พบกันมีแต่มิตรภาพ พี่เหลี่ยมอย่างโน้น น้องบังอย่างนี้ ชื่นมื่นซะไม่มี ทั้งนีทั้งนั้นก็เพื่อความสามัััคคี แบบสมานฉันท์ว่างั้นเถอะ
สรุปว่า เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2550 ที่ขนรถถังมาขับเล่น ให้ชาวไทยและชาวโลกตื่นเต้น กลายเป็นมวยล้ม ต้มคนดู เหมือนเนื้อเพลงนี้ไม่มีผิด
ลาเอ๋ยลา ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไป กลายเป็นบ้องกัญชา
จะร้องไปด้วย รำไปด้วย ก็ไม่น่าเกลียดนะครับท่าน
ถ้าเป็นผมนะ ป่านนี้คงซื้อปิ๊ปคลุมหัวตั้งแต่ออกจากสนามบินแล้ว....
มันน่าอ้าย น่าอาย พูดได้ไง ไปพบพี่หลี่ยมครั้งนี้ ก็เพื่อความสมานฉันท์ เพื่อความสามัคคี บ้ารึเปล่า
กลับมาต่อเรื่องพม่าดีกว่า ไม่อยากพูดเรื่องฮาๆ ขำกลิ้ง เหมือนดูตลกหม่ำจ๊กม๊ก
วันนั้นโชเฟอร์ขับรถผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ก่อนจะขึ้นเนินสู่วัดหินใหญ่ มีบ้านหลังใหญ่ๆหลายหลัง แสดงถึงเป็นผู้มีฐานะที่มั่งคั่ง จนดูเป็นที่ผิดสังเกตเพราะสภาพทั่วไปในบริเวณใกล้เคียงมีแต่ชาวบ้านฐานะยากจน มารู้ภายหลังว่าบ้านเหล่านี้เป็นของบรรดานายทหารเมืองเมียวดี เห็นแล้วก็แทบไม่น่าเชื่อว่าประเทศพม่าที่ยังดูยากจน แต่บรรดากลุ่มทหารกลับมีฐานะความเป็นอยู่แตกต่างจากชาวบ้านอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ
ผ่านพ้นหมู่บ้าน ทหารวิลเลจ(ตั้งชื่อให้เอง) ไปไม่ไกล ก็มาถึงเนินเขา เห็นพระสถูปเจดีย์องค์ใหญ่ที่ตั้งอยู่บนยอด แต่ก่อนจะถึงวัด ได้ผ่านห้องแถวที่ปลูกติดกันยาวเหยียด มีลูกกรงตาข่ายปิดด้านข้างแทนหน้าต่าง
ถามไกด์ว่า อะไรนะ
เป็นที่พักของแม่ชีครับ และยิ่งเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา จะมีแม่ชีมาพักกันมาก
แม่ชีพม่าจะใส่ชุดสีชมพู เหมือนกับที่เห็นเดินบนสะพานมิตรภาพ ไทย-พม่า และมีภาระกิจคล้ายๆพระสงฆ์ ต้องศึกษาเรียนรู้ทางธรรมและถือศีลไม่ต่างกับพระ แต่สถานภาพและความศรัทธาก็ยังไม่เท่าพระ แม่ชีพม่าจะออกบิณฑบาตรทุกวันพระในตอนสายๆ ชาวบ้านจะทำบุญด้วยอาหารแห้ง ที่เป็นของแห้งจริงๆ เช่น พริก หอม กระเทียม ข้าวสาร
หลังจากที่ถอดรองเท้าก็ขึ้นบันใดสู่ลานพระธาตุเจดีย์ที่สร้างคล้ายชฏาล้อมรอบไว้ชั้นนอก แตกต่างจากวัดอื่นๆในพม่า แต่ที่เหมือนกันก็คือ ลาดวัดสะอาดตา เตียน โล่ง ปูด้วยแผ่นกระเบื้องทั้งหมด ภายในวิหารที่อยู่ด้านใต้พระธาตุเจดีย์ มีพระบรมสารีริกธาตุให้ดูด้วย จะเรียกว่าพระธาตุ หรือพระบรมสารีริกธาตุก็ไม่แน่ใจ ลักษณะคล้ายแก้วมนๆก้อนเล็กๆ ขนาดโตกว่าเม็ดข้าวสาร มีสีน้ำตาลออกขุ่นๆ เก็บไว้ในตู้กระจกที่เปิดไฟให้สว่าง เห็นชัดเจน
เมืองเมียวดีใน 3 ตอนที่ได้นำเสนอไป อาจไม่ครบถ้วนในทุกเรื่อง แต่คิดว่าช่วงระยะเวลาสั้นๆเพียงแค่ประมาณ 4-5 ชั่วโมงที่อยู่ในเมืองนี้ ก็ได้รู้ได้เห็นอะไรต่อมิอะไรมากมาย อย่างน้อยๆก็มีโอกาสสัมผัสประเทศที่ปกครองแบบเผด็จการทหาร ว่ายังห่างไกลความเจริญ ทั้งที่ควรจะไปได้เร็วกว่านี้
พม่าทุกวันนี้ก็ยังต้องสู้รบกับชนกลุ่มน้อยในประเทศที่มีอยู่หลายกลุ่ม กลุ่มที่มีอิทธิพลและเป็นแหล่งผลิตเฮโรอินระดับโลก ได้แก่พวกกระเหรี่ยงติดอาวุธ วันดีคืนดีก็ออกมาโจมตีทหารพม่า หรือบางครั้งก็โจมตีทหารไทยที่รักษาแนวชายแดน ทำให้มีเหตุการณ์ตึงเครียดจนต้องปิดชายแดนกันอยู่บ่อยๆ ไทยปิดบ้าง พม่าพม่าปิดบ้าง สลับกันไป
สรุปว่าประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกับไทย ก็มีที่แม่สอดนี้แหละที่เหตุการณ์ยังไม่ค่อยเรียบร้อยนัก หากสงบเมื่อไหร่ ก็เชื่อแน่ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากไทยหลั่งไหลไปเที่ยวพม่ากันอย่างไม่ขาดสาย
ก่อนจบขอเฉลยจากตอนที่สองว่า สาวพม่าจะนุ่งสั้น โชว์ขา โชว์สะดือ หรือโชว์อกล้นปริ เหมือนบ้านเราได้หรือไม่ ตอบว่าไม่ได้ครับ ที่นั่นมีกฏห้าม และเอาจริงเอาจัง ชาวพม่าทั้งหญิงชายส่วนใหญ่จะนุ่งโสร่งกันยาวๆ คลุมถึงตาตุ่ม แค่เห็นหน้าแข้งก็ถือว่าโป้สำหรับเมืองเค้าแล้วละครับ ผมไปพม่าครั้งนี้พยายามหาสาวพม่าใส่ขาสั้น ก็ไม่เจอเหมือนกัน(ทั้งๆที่อยากเจอ)
เว็บมาสเตอร์
โฟโต้ออนทัวร์
28 มกราคม 2551
สนใจใช้บริการรถตู้นำเที่ยวเมืองเมียวดี ติดต่อคุณสมศักดิ์ ทาแก้ว 087-8403483
้เรื่องราวท่องเที่ยวในจังหวัดตากที่นำเสนอไปแล้ว
Menu Gallery
อช.ตากสินมหาราช #1
ตลาดมูเซอ #1
Menu Gallery
อช.ตากสินมหาราช #2
อช.ตากสินมหาราช #3
ตลาดมูเซอ #2
Menu Outbound tour (เที่ยวต่างแดน ทริปพม่า)
เที่ยวเมืองเมียวดี ชายแดนแม่สอด จ.ตาก ตอนที่ 1
เที่ยวเมืองเมียวดี ชายแดนแม่สอด จ.ตาก ตอนที่ 2
เที่ยวเมืองเมียวดี ชายแดนแม่สอด จ.ตาก ตอนที่ 3
|