 |
|
 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
 |
|
 |
 |
 |
 |
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 |
10 |
11 |
12 |
13 |
14 |
15 |
16 |
17 |
|
|
|
 |
|
|
|
ทริป เวียงจันทน์-วังเวียง-หลวงพระบาง (บันทึกการเดินทางเมื่อเดือน กรกฏาคม 2551) |
|
|
7 สามแยกภูคูน เมืองในหมอก
หลังออกจากเมืองกาสีมาแล้วไม่นานก็เริ่มเป็นเส้นทางบนเขาสูง และสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนมาถึงระดับเมฆหมอกโดยไม่รู้ตัว ทางข้างหน้ามองดูขาวโพลนไม่ต่างกับฝ่าดงหมอกในฤดูหนาว ภาพที่เห็นข้างหน้าก็ยิ่งเลือนลางเต็มที จนแทบมองไม่เห็นอะไรเลย
ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว และมีลมพัดแรงจนต้นไม้ต้นหญ้าลู่ตามลม หากลงจากรถในช่วงก็คงหนาวสุดๆ
ดูแล้วแปลกๆ อากาศที่นี่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก
สีขาวของหมอกที่ปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่ มีความรู้สึกว่าค่อนข้างอึดอัด เหมือนถูกจับมาขังไว้ในห้องที่มืดสนิท ที่ไม่มีแสงใดๆให้เห็นเลย แต่ที่นี่เห็นหมอกขาวรอบด้าน มองไม่เห็นอะไรเช่นกัน หากตกอยู่ในสภาพแบบนี้คนเดียวก็ไม่แน่ใจว่าจิตใจจะเป็นแบบใด หรืออาจแทบคลั่ง ว่าทำไมโลกใบนี้จึงมองเห็นอะไรเลย คงไม่ต่างกับคนตาบอด ที่สูญเสียการมองเห็นตลอดชีวิต
หมอกแบบนี้ทำให้มีปัญหาในการถ่ายภาพ
ระบบโฟกัสเริ่มรวนเร เพราะหาวัตถุไม่ได้ วืดไปวืดมา จนกดชัตเตอร์ไม่ลง นี่คือปัญหาของกล้องดิจิตอล ไม่ว่าจะเป็นวัตถุขาว หรือมืดๆ ก็จะออกอาการแบบนี้ เช่นเดียวกัน
จึงต้องแก้ปัญหาโดยโฟกัสไปที่วัตถุข้างหน้าเท่าที่จะหาได้ แล้วปิดระบบโฟกัสอัตโนมัติ เป็นการล๊อคตำแหน่งวัตถุไว้ตายตัว เมื่อจะถ่ายภาพก็เพียงกดชัตเตอร์อย่างเดียว ทำให้สามารถถ่ายได้ทุกๆภาพ เพียงแต่ระวังตำแหน่งวัตถุข้างหน้า เช่นมีรถสวนมา แนวต้นไม้ หรือบ้านเรือน ว่าอยู่ในระยะเดียวกัน หรือใกล้เคียงกับตำแหน่งที่ล็อคไว้แต่แรก
แต่เรื่องนี้ไม่น่าเป็นห่วงนัก เพราะสภาพหมอกแบบนี้ การถ่ายภาพให้ชัดแบบลงตัวพอดี หรือคลาดเคลื่อนไปบ้างก็แทบไม่แตกต่างกันมากนัก
็เป็นการแก้ปัญหาในช่วงที่มีหมอกหนามากๆ แต่พอหมอกจางลงก็ปรับมาสู่ระบบตามปกติ
ใครที่มีกล้องประเภท DSLR ก็สามารถนำไปปรับใช้ได้ จะได้ไม่มีข้อจำกัดในการถ่ายภาพ และสามารถโฟกัสได้ในทุกสภาพแสง
|
|
|
|
|
 |
|
|
|
|
|
 |
|
 |