ทัวร์เซี่ยงไฮ้ ตอนที่ 1
(เดินทาง มีนาคม 2552 /2009)
ภาพทัวร์เมืองจีนในชุดเซี่ยงไฮ้ครั้งนี้เป็นชุดเมืองจีนชุดที่ 4 ต่อจาก ปักกิ่ง กุ้ยหลิน และสิบสองปันนาที่นำเสนอไปแล้ว ส่วนที่ยังค้างคากันอยู่ และยังไม่มีโอกาสนำภาพมาจัดทำก็มีทริปคุณหมิง และ ทริป ฮ่องกง-มาเก้า ซึ่งเป็นชุดใหญ่พอๆกับชุดอื่นๆ โดยเฉพาะคุณหมิง เป็นการท่องเที่ยวชมธรรมชาติที่สวยงาม มีอุทยานป่าหินเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งยูเนสโกได้ขึ้นเป็นมรดกโลกมานานแล้ว
ประเทศจีนมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก ผู้คนแต่ละมณฑลก็มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่แตกต่าง และอยู่ห่างไกลกันค่อนข้างมาก เช่นภาษาพูดบางครั้งคนจีนด้วยกันเองบอกว่าฟังไม่รู้เรื่อง รู้แต่ว่าเป็นภาษาท้องถิ่น แตกต่างกับประเทศไทยที่มีละภูมิภาคจะมีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมต่างกันไม่มากนัก
เมื่อครั้งที่จีนเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิคในปี ค.ศ. 2008 หรือ Beijing 2008 ได้สะท้อนถึงชนชาติต่างๆของจีนทีมีหลายชาติพันธ์ในพิธีเปิด กีฬาโอลิมปิค ความแตกต่างอันหลากหลายนี้เราจะพบเห็นได้จากการแสดงบนเวทีที่รัฐบาลจีนพยายามนำมาเป็นจุดขาย เพื่อการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นให้ยืนนาน ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดอาชีพนี้ขึ้นมา สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้
คนไทยไปเที่ยวเมืองจีนต่างตื่นตาตื่นใจกับการประยุกต์ศิลปะแสงสีเสียงให้เข้ากับการแสดงทางวัฒนธรรมท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการแสดงในชุด Impression Lijiang ที่เมืองหยางซั่ว ในทริปกุ้ยหลิน เชื่อว่าใครได้เห็นแล้วก็คงจะประทับใจไปนาน
้ในเขตมณฑลเสฉวน ยูนนาน และกว่างสี ทางตอนใต้ของจีนจะมีความแตกต่างจากผู้คนในมณฑลอื่นๆค่อนข้างมาก และจีนทางแถบนี้ก็ยังถือว่าเป็นต้นกำเนิดของชาติพันธ์ต่างๆของประเทศทางอินโดจีน เช่นพม่า เวียดนาม ไทย และลาว ซึ่งตามประวัติศาสตร์แล้ว ผู้คนเกือบค่อนประเทศเหล่านี้ก็มีเชื้อสายมาอาณาจักรน่านเจ้า(มณฑลยูนนาน) ของจีนทั้งสิ้น
ประเทศจีนถือว่าเป็นศูนย์กลางของอารยะธรรมของซีกโลกตะวันออกมาหลายพันปี และยังแผ่ขยายไปถึงยุโรปและตะวันออกกลาง คนไทยที่ไปเที่ยวประเทศจีนก็เหมือนกับการไปเยือนดินแดนที่เป็นบรรพบุรุษอันเก่าแก่ ที่อาศัยอยู่บริเวณต้นกำเนิดของแม่น้ำโขงหรือบริเวณเทือกเขาหิมาลัย
สถานที่สำคัญๆทางประวัติศาสตร์ของจีนจึงมีอายุนับเป็นพันๆปี หรือหลายพันปี ต่างกับบ้านเราที่เริ่มจะนับเอาสมัยกรุงสุโขทัยเป็นจุดเริ่มต้นทางประวัติศาสตร์ หากนับเวลามาจนถึงปัจจุบันก็ราว 7- 800 ปีเท่านั้น ถ้าเป็นยุคกรุงศรีอยุธยาก็ไม่เกิน 400 ปี
อาณาจักรไทยมีอายุราว 7-800 ปี สมัยพ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมืองร่วมกันสร้างบ้านแปงเมือง (พศ.1800) เทียบกับลาวหรืออาณาจักรล้านช้าง(พ.ศ.1896) ก็มีอายุพอๆกัน
ที่มีอายุไล่เรี่ยกันในยุคนั้นก็มีอาณาจักรสุโขทัย อาณาจักรล้านช้าง(ลาว) อาณาจักรล้านนา ทั้งสามอาณาจักรนี้ก็เป็นกลุ่มชาติพันธ์ที่มาจากแหล่งเดียวกันก็คือมาจากมณฑลยูนนาน และเหตุที่ต้องลงมาอาศัยทางแถบนี้ก็เนื่องจากถูกชาติมองโกลรุกราน ตามที่เด็กไทยเคยเรียนจากตำราประวัติศาสตร์
และชนชาติมองโกลที่รุกรานก็ไช่ใครที่ไหน แต่เป็นจักรพรรดิกุบไลข่าน(ต้นกำเนิดแห่งราชวงศ์หยวนของจีน) ที่ทั้งคนจีนและไทยทราบกิติศัพท์อันลือลั่นมาแล้ว และเป็นที่มาของการสร้างกำแพงเมืองจีนเพื่อป้องกันการรุกรานของชาติมองโกล ที่มีจอมจักรพรรดิเจ็งกิสข่านเป็นผู้นำ
แม้ว่าตำราที่เคยเรียนจะมีข้อโต้แย้งในยุคหลังๆถึงที่มาของชนชาติไทย แต่ก็ต้องถือว่ามาชนชาติไทยที่เป็นผู้นำก็มาจากอาณาจักรน่านเจ้าในมณฑลยูนนานของจีนนั่นแหละ ส่วนจะผสมผสานกับชนชาติมอญหรืออินเดียกันภายหลัง ก็ถือว่าเป็นส่วนน้อย คงเป็นการบ้านให้นักประวัติศาสตร์ต้องถกเถียงกันต่อไป
หลายคนอาจสงสัยว่า มอญ กับไทย เกี่ยวข้องอะไรกันในสมัยอดีต
ต้องบอกว่า มอญ กับไทย ในอนาคตอาจเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ว่าคนไทยนั้นอาจมีเชื้อสายมาจากชนชาติมอญ ส่วนที่บอกว่ามาจากชนชาติจีนนั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคหลัง หรือราว 800 ปี ซึ่งขณะนั้นในดินแดนทางแถบนี้ (ประเทศไทย) เป็นดินแดนของขอมมาก่อนหรือเป็นยุคเสื่อมของอาณาจักรขอมที่ครอบครองดินแดนแถบนี้มานานนับเป็นพันๆปี
หลายคนอาจจะงง แต่ถ้าลำดับตามยุคตามสมัยแล้ว ก็ต้องบอกว่า ดินแดนประเทศไทยที่เราอาศัยอยู่นี้ หากย้อนไปให้ไกลหรือเท่าที่นักประวัติศาสตร์จะค้นหาหลักฐานได้ ก็ต้องบอกว่ากลุ่มชาติพันธ์ที่เป็นเจ้าของประเทศนี้มีหลายกลุ่ม หลายยุค เหมือนขนมชั้นที่ซ้อนทับกัน
เริ่มแรกคือชนชาติมอญ
ชนชาติมอญเป็นชาติพันธ์กลุ่มแรกที่เข้ามาอาศัยทางแถบพม่าและไทยมีอาชีพ ทำไร่ทำนา จนเกิดเป็นพื้นที่การเกษตรที่สมบูรณ์ เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ และต่อมาเรียกกันว่า "ดินแดนสุวรรณภูมิ " ถ้าถามว่าชนชาติมอญมีอายุเก่าแก่นานแค่ไหน ก็ต้องบอกว่าย้อนอดีตไปราว 5,000 ปี (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)
ชนชาติถัดมาคือชนชาติขอม
ในยุคขอมนี้นักประวัติศาสตร์ได้ค้นพบหลักฐานมากมายที่แสดงถึงความรุ่งเรืองของอาณาจักรขอมในดินแดนสุวรรณภูมิ และตามแผนที่จากวิกิพีเดียก็แสดงพื้นที่อาณาจักรขอมที่รุ่งเรืองทึ่สุดนั้นในยุคนั้น ซึ่งรวมถึงเขมร ลาว ไทย พม่า และเวียดนาม ยุคขอมนี้ก็ย้อนอดีตไปราว 1400 -1500 ปี (ยุคขอมเริ่มประมาณ พ.ศ.1100)
ชนชาติไทย
ถือว่าเป็นชนชาติหลังสุดที่ครอบครองดินแดนทางแถบนี้ แต่ก่อนที่จะเป็นอาณาจักรไทยตามที่เรียนๆกันมา ก็ยังมีอาณาจักรย่อยๆอื่นๆอีกหลายอาณาจักรที่ทับซ้อนกันอยู่ในดินแดนบางส่วน ได้แก่ อาณาจักรทวารวดี อาณาจักรละโว้ อาณาจักรหริภูญชัย ฯลฯ
คนไทยหรือที่เริ่มนับเป็นอาณาจักรไทยนั้นจึงเหมือนคนรุ่นหลังสุดที่มาเป็นเจ้าของครอบครอง
สรุปว่า คนไทยทุกวันนี้ มีการผสมผสานกันหลายเผ่าพันธ์ เรียกว่าเลือดในตัวเรานี้อาจประกอบไปด้วยชาติพันธ์ของมอญ ขอม จีน
ชนชาติมอญอาจดูว่าเป็นชนชาติเล็กๆ ที่ปัจจุบันอาศัยอยู่บริเวณตอนใต้ของประเทศพม่า หรือบริเวณปากอ่าวพม่าหรือมะตะบัน อนาคตอ่าวนี้อาจเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกเพราะมีทรัพยากรใต้ทะเลมหาศาลโดยเฉพาะแก็สและน้ำมัน เศรษฐกิจไทยในอนาคตอาจพ่ายแพ้พม่าก็เพราะอ่าวมะตะบัน(Mataban Gulf) นี้แหละ
สมัยประวัติศาสตร์ชนชาติพม่าพยายามยึดครองมอญที่อยู่ทางตอนล่างให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีทางออกสู่ทะเล ชนชาติมอญแต่ไหนแต่ไรก็ไม่ถนัดการสู้รบ สู้กับใครก็แพ้หมด และสิ่งที่ถนัดก็คือการทำไร่ทำนา สมัยกรุงศรีกรุงศรีฯก็เคยกวาดต้อนชนชาติมอญหรือมอญอพยพ ให้ทำหน้าที่ปลูกข้าวทำนา เพื่อนำมาเก็บไว้ในยุ้งฉางหลวง ตุนไว้เป็นเสบียงเพื่อการสู้รบ
จากเซี่ยงไฮ้ เขียนเพลินๆ ลามมาไทย และไปถึงเมืองมอญ ความจริงก็ไม่มีอะไรมาก เรื่องราวทางประวัตศาสตร์แบบนี้ คนไทยรุ่นหลังๆมักไม่ค่อยสนใจกันนัก เพราะมัวแต่จะสนใจเรื่องอื่นๆ เช่น G3 สตีฟ จอปส์ เขตเศรษฐกิจอาเซี่ยน หรือข่าวพม่ากำลังเปิดประเทศ แต่เราอาจไม่รู้ว่าบ้านที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้ คนอื่นเคยเป็นเจ้าของมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นขอม หรือมอญ ดังนั้นคนพม่าเชื้อสายมอญหรือคนเขมรที่เข้ามาทำงานในบ้านเรา ก็ต้องถือว่าเป็นการกลับมาสู่ดินแดนดั่งเดิมของตนเอง
เจอพม่าเชื้อสายมอญ หรือคนเขมรก็อย่าได้รังเกียจ คิดว่า มอญ-เขมร-ไทยก็คือเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน เพียงแต่อยู่คนละยุคหรือคนละชาติภพเท่านั้นเอง
เซี่ยงไฮ้ในตอนต่อไป คงจะพาไปเที่ยวแล้วละครับ สำหรับตอนที่ 1 นี้ เป็นวันแรกของการเดินทาง มาถึงก็ฝนตก ไปที่ไหนก็เจอฝน ถ่ายภาพก็ค่อนข้างลำบาก บางครั้งก็ต้องถ่ายท่ามกลางสายฝนที่ลงปรอยๆ ภาพอาจไม่สมบูรณ์นักโดยเฉพาะจากหอไข่มุกที่สูงเสียดฟ้า กระจกเป็นฝ้า แถมมีแสงเงาสะท้อน จากในตึก จึงต้องคอยหามุมหลบแสงหลบเงา
บนถนนในเซี่ยงไฮ้เต็มไปด้วยตึกระฟ้า ดูตื่นตาดี แต่ความหนาแน่นอาจเป็นรองเกาะฮ่องกงที่เห็นตึกระฟ้าเป็นแท่งๆเต็มเกาะ ผู้คนบนเกาะฮ่องกงต้องอาศัยอยู่ในกล่องคอนโดที่มีราคาแพง แต่เซี่ยงไฮ้ยังมีพื้นที่มาก ตึกสูงๆที่สร้างขึ้นมาจึงเห็นโดดเด่นชัดเจน
เซี่ยงไฮ้ในวันนี้ ยังไม่โตเต็มที่ ที่กำลังก่อสร้างอีกก็นับไม่ถ้วน ใครมาเที่ยวเซี่ยงไฮ้หลายครั้งจะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน
เมืองเซี่ยงไฮ้นี้มีเรื่องแปลกอยู่เรื่องหนึ่ง คือว่าทางการจีนมีกฏในการก่อสร้างตึกอาคารว่า จะต้องสร้างให้เสร็จภายในไม่เกิน 3 ปี ตึกเล็กหรือใหญ่ต้องปฏิบัติเหมือนกันหมด หากล่าช้าก็ต้องเสียค่าปรับเป็นเงินค่อนข้างมาก บ้านเราโดยเฉพาะกรุงเทพน่าจะนำมาใช้บ้าง จะได้ไม่มีตึกอาคารทิ้งร้างกันเต็มเมือง บางรายก็สร้างต่อไม่ไหว อาจถูกแบงค์ยึด หรือกำลังฟ้องร้อง กว่าตัดสินก็ต้องใช้เวลาอีกหลายปี
เซี่ยงไฮ้ตอนที่ 1 ขอเพียงแค่นี้ก่อนนะครับ
โฟโต้ออนทัวร์
23 กุมภาพันธ์ 2555
แผนที่จีน มณฑลเจ้อเจียง
 
  |